ติดต่อลงโฆษณา racingweb@gmail.com

แสดงกระทู้

ส่วนนี้จะช่วยให้คุณสามารถดูกระทู้ทั้งหมดสมาชิกนี้ โปรดทราบว่าคุณสามารถเห็นเฉพาะกระทู้ในพื้นที่ที่คุณเข้าถึงในขณะนี้


ข้อความ - siritidaphon

หน้า: [1] 2 3 ... 6
1
ปัญหาที่เกิดจากการจัดฟันเด็ก ที่มักพบได้บ่อย

ในเรื่องของสุขภาพช่องปากและฟันของลูกน้อย ถือว่ามีความสำคัญมากเพราะการที่เด็กมีสุขภาพช่องปากและฟันที่ดี เด็กจะได้รับประทานอาหารที่มีประโยชน์และรับประทานอาหารได้อย่างเต็มที่ ช่วยส่งเสริมในเรื่องของพัฒนาการทำให้เด็กมีการเจริญเติบโตที่ดีขึ้นด้วย สำหรับการจัดฟันในเด็ก ก็เป็นวิธีการแก้ไขปัญหาฟันของเด็กได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะการจัดฟันในเด็กจะทำได้เมื่อมีฟันแท้ขึ้นบางส่วนภายในช่องปากของเด็ก และเด็กก็มีความจำเป็นที่ต้องได้รับการจัดฟัน เพื่อทำการแก้ไขความผิดปกติของการสบฟัน รวมไปถึงตำแหน่งของขากรรไกรที่มีความผิดปกติ การจัดฟันในเด็กจะต้องได้รับความร่วมมือจากเด็กและพ่อแม่ผู้ปกครองด้วยอีกทั้งเด็กๆ จะต้องมีการดูแลสุขภาพช่องปากและฟันเป็นอย่างดี


ซึ่งการจัดฟันในเด็กนั้นสามารถ แบ่งออกได้เป็นสองระยะนั่นก็คือระยะการจัดฟันเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความผิดปกติหรือแก้ไขความผิดปกติบางอย่างที่มีอยู่ให้น้อยลงหรือหายไป และอีกระยะหนึ่งก็คือระยะการจัดฟันแบบแก้ไขทั้งหมด เช่น การจัดฟันแบบสวมใส่เครื่องมือแบบติดแน่น ที่มีเหล็กจัดฟันอยู่ภายในช่องปาก ซึ่งการจัดฟันในลักษณะนี้ สามารถพบเจอได้บ่อยเรียกว่าเป็นเทรนยอดฮิตของวัยรุ่นเลยก็ว่าได้ แต่การจัดฟันในรูปแบบนี้ก็มีปัญหามากมายเกิดขึ้นด้วยเช่นเดียวกัน สำหรับวันนี้ทางคลินิกเราจะมาพูดถึงปัญหาที่เกิดจากการจัดฟันในเด็กที่มักพบได้บ่อย หากเราพูดถึงการจัดฟันแน่นอนว่าหลายคนมีอุปสรรคเกี่ยวกับการรับประทานอาหารที่อาจจะไม่ได้รับอาหารเต็มที่ เนื่องจากจะต้องระมัดระวังและต้องเลือกรับประทานอาหารที่มีความอ่อนนุ่ม เพื่อที่จะได้บดเคี้ยวอาหารได้อย่างเต็มที่ โดยไม่กระทบกระเทือนถึงเครื่องมือการจัดฟันนั่นเอง ปัญหานี้คือเข้ารับการจัดฟันไม่ว่าจะเป็นรูปแบบใดก็มักจะเจอได้บ่อย เพราะฉะนั้น การจัดฟันในเด็กก็อาจจะเจอปัญหาเดียวกัน


สำหรับปัญหาในการจัดฟันในเด็กที่มักพบได้บ่อยนั่นก็คือ ปัญหาการเกิดฟันผุ แน่นอนว่าผู้ที่เข้ารับการจัดฟันไม่ว่าจะเป็นวัยเด็กวัยหรือผู้ใหญ่ แน่นอนว่าในเรื่องของการทำความสะอาดช่องปากและฟัน เป็นเรื่องที่สำคัญมาก เราจะต้องเอาใจใส่ให้มากเป็นพิเศษเนื่องจากเรามีเครื่องมือการจัดฟันอยู่ภายในช่องปาก อาจจะทำให้ทำความสะอาดช่องปากและฟันได้ไม่ทั่วถึง การที่เราทำความสะอาดช่องปากและฟันได้ไม่ดีเท่าที่ควรนั้น เป็นสาเหตุหลักของการเกิดฟันผุ แน่นอนว่าเด็กๆ หลายคนที่เข้ารับการจัดฟันในเด็กหากไม่ดูแลเอาใจใส่ในเรื่องของความสะอาดของช่องปาก ก็อาจจะทำให้เกิดฟันผุได้ง่าย นอกจากนี้ อาจจะยังทำให้เกิดปัญหาเหงือกอักเสบ ซึ่งมีสาเหตุมาจากการทำความสะอาดช่องปากและฟันไม่สะอาดนั่นเอง ในข้อนี้ ถ้าหากเด็กเป็นโรคเหงือกอักเสบเรียกว่าเป็นปัญหาร้ายแรงเลยทีเดียว อาจจะทำให้เกิดการสูญเสียฟันก่อนวัยอันควรได้


เพราะฉะนั้น ทางที่ดีที่สุดก็คือพ่อแม่ผู้ปกครองควรพาบุตรหลานของท่านเข้าพบกับทันตแพทย์ เพื่อทำการตรวจฟันหรือถ้าหากจัดฟันอยู่ก็ให้มาพบทันตแพทย์เป็นประจำทุกเดือนเพื่อตรวจสุขภาพช่องปากและฟันและปรับเครื่องมือการจัดฟันด้วย ดังนั้น จึงสรุปได้ว่าปัญหาหลักๆ ที่อาจจะเกิดได้จากการเข้ารับการจัดฟันในเด็ก อาจจะเกิดจากการที่เราไม่ดูแลความสะอาดภายในช่องปาก ไม่ดูแลเครื่องมือการจัดฟันและปัญหาอีกข้อหนึ่งที่มักพบได้บ่อยก็คือการสวมใส่รีเทนเนอร์ ที่หลายคนเมื่อจัดฟันเสร็จแล้วกว่าจะละเลยการใส่รีเทนเนอร์ ซึ่งพฤติกรรมเหล่านี้ทำให้มีผลต่อการจัดฟันอาจทำให้ฟันมีการย้อนกลับไปสู่ตำแหน่งเดิมที่เคยอยู่ก่อนจัดฟัน ซึ่งอาจจะต้องทำการจัดฟันซ้ำใหม่อีกรอบ

ทั้งหมดนี้ก็คือปัญหาที่อาจจะเกิดได้จากการจัดฟันในเด็ก พ่อแม่ผู้ปกครองจะต้องดูแลเอาใจใส่ในเรื่องของสุขภาพช่องปากและฟันของบุตรหลานของท่านให้ดี ควรแนะนำให้เด็กรู้จักวิธีการทำความสะอาดอย่างถูกวิธี เพื่อจะได้ป้องกันการเกิดฟันผุ ขณะจัดฟัน ซึ่งถือว่าเป็นปัญหาที่เด็กและหลายคนมักจะพบเจอได้บ่อยนั่นเอง สำหรับใครที่อยากพาบุตรหลานของท่านเข้ารับการจัดฟันในเด็กก็สามารถติดต่อขอรับคำแนะนำได้ที่คลินิกเพราะทางเรามีทีมทันตแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญด้านทันตกรรมในเด็ก คอยให้คำปรึกษาอย่างถูกต้อง และสามารถช่วยแนะนำให้เด็กรู้จักการดูแลรักษาความสะอาดของช่องปากเพื่อที่จะได้ลดปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพช่องปากและฟันในอนาคต เพราะเราอยากให้เด็กเด็กทุกคนมีทัศนคติที่ดีเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพช่องปากและฟัน เพื่อที่จะได้เข้าใจในการดูแลช่องปากอย่างถูกวิธี เพื่อให้เรามีฟันที่แข็งแรง มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

2
อาหารสายยาง: อาหารทางการแพทย์ สำหรับผู้ป่วยโรคหัวใจ

การรับประทานอาหาร ถือเป็นเรื่องที่ต้องเอาใจใส่ให้มากเป็นพิเศษ เพราะอาหารที่รับประทานเข้าไปในแต่ละวัน ส่งผลต่อร่างกายซึ่งร่างกายมีความจำเป็นที่จะต้องได้รับสารอาหารเพื่อให้เกิดพลังงานและสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างเต็มที่ ยิ่งในผู้ป่วยแล้วอาหารถือเป็นสิ่งสำคัญมากที่จะต้องดูแลเอาใจใส่และต้องระมัดระวังให้มาก เนื่องจากร่างกายผู้ป่วยมีความต้องการสารอาหารไม่เหมือนกับคนทั่วไป ผู้ป่วยบางกรณีอาจจะต้องมีการจำกัดในเรื่องของปริมาณของสารอาหารและอาจต้องมีการหลีกเลี่ยงสารอาหารบางประเภท เพื่อให้อาการป่วยไม่กำเริบขึ้นมา เพราะฉะนั้น อาหารสำหรับผู้ป่วยต้องมีการดูแลมากเป็นพิเศษ

แต่อย่างไรก็ตามในปัจจุบันนี้มีอาหารสำหรับผู้ป่วยมากมาย ยกตัวอย่างเช่น อาหารปั่นผสมที่ใช้ให้กับผู้ป่วยที่ไม่สามารถรับประทานอาหารเองได้หรือผู้ป่วยที่หมดสติที่ต้องให้อาหารทางสายยางและอาหารทางการแพทย์ซึ่งมีประโยชน์ต่อผู้ป่วยที่ต้องมีการจำกัดในเรื่องของปริมาณสารอาหาร เพราะอาหารทางการแพทย์มีการจำกัดสูตรเพื่อใช้สำหรับผู้ป่วยที่ป่วยเป็นโรคต่าง ๆซึ่งก็จะมีสูตรที่แตกต่างกันเพราะผู้ป่วยในแต่ละโรคนั้นต้องได้รับสารอาหารในปริมาณจำกัดและแบบเฉพาะ สำหรับอาหารทางการแพทย์จะต้องใช้ในความควบคุมของแพทย์เท่านั้นและก่อนใช้จะต้องได้รับคำแนะนำจากแพทย์อย่างละเอียดเพื่อให้ร่างกายไม่เกิดอันตรายหลังจากได้รับอาหารทางการแพทย์ สำหรับวันนี้เราจะมาพูดถึงเรื่องอาหารทางการแพทย์สำหรับผู้ป่วยโรคหัวใจรวมไปถึงการรับประทานอาหาร สำหรับผู้ป่วยเพื่อให้ร่างกายผู้ป่วยได้รับสารอาหารที่ถูกต้องและเหมาะสมเพื่อเป็นแนวทางในการเลือกรับประทานอาหารอย่างถูกวิธี

อาหารทางการแพทย์ สำหรับผู้ที่เป็นโรคหัวใจควรได้รับสารอาหารที่เหมาะสมทั้งคุณภาพและปริมาณ รวมถึงต้องดูแลสุขภาพตนเองให้มีสุขภาพดีอยู่ตลอด เพราะจะช่วยป้องกันความเสี่ยงของการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจ หลีกเลี่ยงการเกิดโรคหัวใจได้ควรรับประทานอาหารให้เหมาะสมกับการใช้พลังงานในแต่ละวัน เพราะจะช่วยป้องกันการเก็บพลังงานที่เกินพอในรูปของไขมัน ทำให้ไม่เกิดโรคอ้วน และไม่ทำให้โรคหลอดเลือดหัวใจตามมาได้ สำหรับพลังงานที่ร่างกายของเราต้องการในแต่ละวันอยู่ที่ประมาณ 1500 -2500 แคลอรี่ต่อวัน ความต้องการพลังงานในแต่ละวันของแต่ละคนนั้นก็จะมีความแตกต่างกันออกไป ซึ่งจะขึ้นอยู่กับ ขนาดของร่างกาย อายุ เพศ แต่สำหรับผู้ใหญ่ทั่วไปความต้องการพื้นฐานประมาณ 25 แคลอรีต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม ต่อหนึ่งวัน แต่ถ้าหากผู้ที่มีการทำกิจกรรมหรือการทำงานหนักซึ่งต้องการมากกว่า โดยปริมาณคาร์โบไฮเดรตแต่ละวันประมาณ 45-65% ปริมาณโปรตีนอยู่ที่ 10-25% และไขมันอยู่ที่ 20-35

ทั้งนี้ ควรบริโภคอาหารในปริมาณที่เหมาะสมกับการใช้พลังงานในแต่ละวันซึ่งการรับประทานอาหารจนได้รับพลังงานมากเกินกว่าที่ร่างกายต้องการจะทำให้เกิดการสะสมของไขมันในร่างกายทำให้เกิดโรคแทรกซ้อนอื่น ๆตามมา โดยผู้ป่วยโรคหัวใจควรรับประทานโปรตีนที่มีประเภทไขมันต่ำ เช่น เนื้อไก่ที่]อกหนัง เนื้อปลา โดยรับประทานโปรตีนร้อยละ 15-20 ของพลังงานที่ได้รับและรับประทานคาร์โบไฮเดรตร้อยละ 50-60 ของพลังงานที่ได้รับ โดยควรเน้นเป็นสารอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อนเช่น ข้าวซ้อมมือ หรือผลิตภัณฑ์จากข้าวที่ไม่ได้ขัดสี นอกจากนี้การรับประทานผลไม้และผักใบเขียวอาหารที่มีเส้นใยสูง ไฟเบอร์สูงเป็นประจำ ควรรับประทานอาหารที่มีเส้นใยประมาณ 27-37 กรัมต่อวัน เพราะในผักนอกจากจะมีวิตามินและเกลือแร่แล้วยังมีเส้นใยอาหาร ช่วยในเรื่องของการขับถ่ายและควรหลีกเลี่ยงผลไม้ที่มีรสหวานจัด รวมไปถึงเม้แปรรูปทุกชนิดเพราะจะให้น้ำตาลและพลังงานที่มากจนเกินไป

อย่างที่ทราบกันดีว่าอาหารทางการแพทย์เป็นอาหารสูตรพิเศษ สำหรับความเจ็บปวดเฉพาะที่เป็นการช่วยให้ผู้ป่วยได้รับสารอาหารที่ถูกต้องและเหมาะสมกับโรค แต่อาหารทางการแพทย์แม้ว่าจะมีประโยชน์ต่อร่างกายแต่ก็ไม่ได้มีจุดประสงค์ในการรักษาโรคโดยตรง แต่จะช่วยป้องกันการเกิดปัญหาต่าง ๆ ซึ่งอาหารทางการแพทย์นั้นหากเราได้รับประทานเข้าไปแล้วจะไม่มีผลข้างเคียงใด ๆ ซึ่งในปัจจุบันสามารถหาซื้อได้ตามร้านขายยา แต่ถ้าหากร่างกายเรามีความปกติดี มีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง รับประทานอาหารครบ 5 หมู่แล้ว ก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องใช้อาหารทางการแพทย์ แต่ถ้าหากมีความต้องการที่จะใช้อาหารทางการแพทย์ ก็ควรได้รับคำแนะนำจากแพทย์หรือนักโภชนาการ

ซึ่งจะได้ทำการพิจารณาว่าควรเลือกใช้อาหารทางการแพทย์ชนิดใดและใช้ขนาดที่ใช้ต่อครั้งในปริมาณเท่าใด เพราะการใช้อาหารทางการแพทย์นั้นจะต้องมีการดูแลจากแพทย์และมีการติดตามผล เพื่อช่วยปรับภาวะทางโภชนาการให้เหมาะสมมากที่สุด โดยสารอาหารส่วนใหญ่ที่มีในอาหารทางการแพทย์หลัก ๆ คือคาร์โบไฮเดรต โปรตีน ไขมัน ซึ่งจะถูกดัดแปลงให้สามารถย่อยได้ง่ายหรือบางชนิดอาจผ่านการย่อยแล้ว เพื่อให้ร่างกายของเราและดูดซึมได้เพื่อให้ร่างกายนำไปใช้ได้อย่างรวดเร็ว โดยอาหารทางการแพทย์นั้นนับว่าเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่สามารถช่วยลดปัญหาการเกิดภาวะขาดสารอาหารได้ ไม่ว่าจะในผู้ป่วยผู้สูงอายุหรือบุคคลทั่วไปที่สามารถรับทานอาหารได้น้อย แต่ถ้าหากใช้อาหารทางการแพทย์อยากเหมาะสมและตามคำแนะนำของโภชนาการก็จะทำให้เกิดผลดีต่อร่างกายได้


3
หมอออนไลน์: หูตึง/หูหนวก (Hearing loss/Deafness)

หูตึง (หูหนวก) หมายถึง ภาวะการได้ยินเสียงลดลง อาจเป็นเพียงเล็กน้อยหรือไม่ได้ยินเลย (หูหนวกสนิท)


สาเหตุ

มีสาเหตุได้มากมาย เช่น เยื่อแก้วหูทะลุ, หูชั้นกลางอักเสบ, โรคเมเนียส์, ซิฟิลิส, หูหนวกมาแต่กำเนิด (เช่น ทารกที่เป็นหัดเยอรมันแต่กำเนิด) ซึ่งมักจะมีอาการเป็นใบ้ร่วมด้วย, เนื้องอกสมองหรือเนื้องอกประสาทหู, พิษจากยา (เช่น สเตรปโตไมซิน คาน่าไมซิน เจนตาไมซิน), หูตึงในผู้สูงอายุ, หูตึงจากอาชีพ เป็นต้น

ในที่นี้จะขอกล่าวถึง หูตึงในผู้สูงอายุ และหูตึงจากอาชีพ

    หูตึงในผู้สูงอายุ เกิดจากประสาทหูเสื่อมตามวัย พบได้บ่อยในผู้สูงอายุ ผู้ชายมีโอกาสเป็นมากกว่าและรุนแรงกว่าผู้หญิง โดยมากจะเริ่มแสดงอาการเมื่ออายุประมาณ 60 ปีขึ้นไป
    หูตึงจากอาชีพ ผู้ที่ทำงานอยู่ในที่ที่มีเสียงดังขนาดมากกว่า 90 เดซิเบลขึ้นไปเป็นเวลานาน ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในความถี่สูง ๆ (เสียงสูง) มักเกิดอาการหูตึงได้ เนื่องจากเซลล์ประสาทหูถูกคลื่นเสียงทำลาย หากถูกทำลายรุนแรงอย่างถาวร มักไม่มีทางแก้ไขให้กลับคืนดีได้

อาการ

หูตึงในผู้สูงอายุ มีอาการหูอื้อ หูตึง การได้ยินแย่ลง ซึ่งมักจะค่อยเป็นมากขึ้นทีละน้อย ช่วงแรกยังได้ยินเสียงตะโกนดัง ๆ เมื่อเป็นรุนแรงขึ้นจะไม่ได้ยินเสียงคนพูด ทำให้มีปัญหาในการสื่อสาร

หูตึงจากอาชีพ ผู้ป่วยมักจะเริ่มจากการได้ยินเสียงสูง (เช่น เสียงกระดิ่ง) สู้เสียงต่ำ (เช่น เสียงเคาะประตู) ไม่ได้ ถ้ายังคงทำงานอยู่ในที่ที่เสียงดังเช่นเดิม อาการหูตึงจะค่อย ๆ เป็นมากขึ้นจนถึงขั้นหูหนวกได้ แต่ถ้าเลิกทำงานในที่ที่เสียงดัง ๆ อาการหูตึงจะค่อย ๆ ทุเลาไปได้เอง


ภาวะแทรกซ้อน

ผู้ที่มีอาการหูตึงมาก ๆ มีความลำบากในการสื่อสารกับผู้คน อาจทำให้มีปมด้อย ไม่กล้าออกสังคม มีความวิตกกังวล หรืออารมณ์ซึมเศร้าได้

ทารกที่มีหูตึงมาแต่กำเนิด มีโอกาสเป็นใบ้ร่วมด้วย


การวินิจฉัย

สำหรับหูตึงในผู้สูงอายุ และหูตึงจากอาชีพ แพทย์จะวินิจฉัยขั้นต้นจากการที่ผู้ป่วยมีอาการหูตึง โดยไม่มีอาการผิดปกติอื่น ๆ และการตรวจร่างกายมักไม่พบความผิดปกติทางร่างกายและโครงสร้างภายนอกของหู แพทย์จะทำการวินิจฉัยให้แน่ชัดโดยการใช้เครื่องมือตรวจการได้ยิน พบว่าสมรรถนะของการได้ยินลดลงซึ่งเกี่ยวข้องกับความเสื่อมของประสาทหู

ในบางกรณี แพทย์อาจทำการตรวจพิเศษเพิ่มเติมเพื่อแยกแยะสาเหตุให้ชัดเจน เช่น การตรวจเลือด การตรวจคลื่นไฟฟ้าสมอง เอกซเรย์คอมพิวเตอร์ ถ่ายภาพด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า เป็นต้น


การรักษาโดยแพทย์

อาการหูตึง แพทย์จะให้การรักษาตามสาเหตุที่ตรวจพบ ถ้าเกิดจากหูชั้นกลางอักเสบจากการติดเชื้อ ให้ยารักษาภาวะติดเชื้ออักเสบ, แก้วหูทะลุ ก็อาจรักษาด้วยการผ่าตัดแก้ไข เป็นต้น

หูตึงในผู้สูงอายุ และหูตึงจากอาชีพ ซึ่งเกิดจากประสาทหูเสื่อม ไม่มียารักษา หากมีอาการหูตึงหูนวกรุนแรง ก็จะแก้ไขด้วยการให้ผู้ป่วยใส่เครื่องช่วยฟัง


การดูแลตนเอง

เมื่อเริ่มรู้สึกหูอื้อ หูตึง ความสามารถในการได้ยินแย่ลง ควรปรึกษาแพทย์

เมื่อตรวจพบว่ามีอาการหูตึง ไม่ว่าเกิดจากสาเหตุใด ๆ ควรดูแลรักษา ปฏิบัติตามคำแนะนำ และติดตามรักษาตามคำแนะนำของแพทย์


การป้องกัน

ขึ้นกับสาเหตุที่ทำให้หูตึง

สาเหตุบางอย่างป้องกันไม่ได้ เช่น หูตึงในผู้สูงอายุซึ่งเกิดจากความเสื่อมตามวัย โรคเมเนียส์ เนื้องอกประสาทหู เป็นต้น

ส่วนสาเหตุที่ป้องกันได้ เช่น โรคหูชั้นกลางอักเสบ เยื่อแก้วหูทะลุจากการบาดเจ็บ หูตึงจากพิษยา หูตึงจากอาชีพ มีวิธีป้องกัน ดังนี้

    เมื่อเป็นโรคหูชั้นกลางอักเสบ ควรดูแลรักษาให้ได้ผล อย่าปล่อยให้เป็นเรื้อรัง
    หลีกเลี่ยงการบาดเจ็บหรือการกระทบกระเทือนบริเวณหู
    หลีกเลี่ยงการใช้ยาที่มีพิษต่อประสาทหู
    สำหรับหูตึงจากอาชีพ อาจป้องกันไม่ให้หูตึงด้วยวิธีดังนี้
        หลีกเลี่ยงการอยู่ในที่เสียงดังนาน
        ผู้ที่มีอาชีพที่ต้องทำงานในที่ที่มีเสียงดัง ควรสวมเครื่องป้องกันหูขณะที่อยู่ในที่ทำงาน, ควรให้แพทย์ทำการทดสอบการได้ยินเป็นระยะ, หากเริ่มมีอาการหูตึง ควรเลิกทำงานในสถานที่เดิม และย้ายไปทำงานในสถานที่ที่ไม่มีเสียงดัง

ข้อแนะนำ

หูอื้อหรือหูตึงเป็นอาการที่อาจเกิดจากสาเหตุได้หลายประการ หากพบว่ามีอาการหูอื้อ หูตึง ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุและรับการรักษาแต่เนิ่น ๆ

4
motor expo 2024: เอ็มจี MG-MAXUS7 X-ปี 2024
1,769,000 บาท 

เอ็มจี MG-MAXUS7 X-ปี 2024
MG MAXUS 7 E-MPV พลังงานไฟฟ้า 100% แบบ 7 ที่นั่ง ที่เข้ามาเติมเต็มความต้องการและตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ลูกค้ากลุ่มครอบครัวสมัยใหม่ ด้วยจุดเด่นที่ยังคงความหรูหราและเหนือระดับของรถในตระกูล MG MAXUS ที่มาพร้อมสมรรถนะการขับขี่ที่ยอดเยี่ยม เทคโนโลยีความปลอดภัยรอบคันส่งมอบความสะดวกสบายครบทุกตำแหน่งที่นั่ง มาพร้อมรูปลักษณ์ที่ดูล้ำสมัยตามแบบฉบับของ E-MPV ยุคใหม่ ที่เน้นความเรียบหรู ขับเคลื่อนด้วยขุมพลังจากมอเตอร์ไฟฟ้าแบบ Permanent Magnet Synchronous Motor ที่ให้พละกำลังสูงสุดที่ 245 แรงม้า (180 กิโลวัตต์) แรงบิดสูงสุด 350 นิวตัน-เมตร

รายละเอียดเบื้องต้น
   แบรนด์             MG
   รุ่น                  เอ็มจี MG-MAXUS7 X-ปี 2024
   ประเภทรถ         รถอเนกประสงค์ MPV, Electric - EV
   ปีที่เปิดตัว         2024
   ราคา               1,769,000 บาท

ดีไซน์
   ภายนอก
สปอยเลอร์หลัง
กระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยว
ไฟท้าย LED
ขนาดยางหน้า-หลัง (225 / 55 R18)
อุปกรณ์ภายนอกอื่นๆ (ประตูสไลด์ด้านข้างเปิด – ปิดด้วยไฟฟ้า พร้อมฝาท้ายไฟฟ้า,V2L)
ปัดน้ำฝนกระจกหน้าแบบพิเศษ (อัตโนมัติ)
ไฟหน้า LED
หลังคาพาโนรามิคซันรูฟ
ไฟ Daytime Running Lights
ล้ออัลลอย (18 นิ้ว​)

   ภายใน
ตกแต่งภายใน (วัสดุ Soft Touch)
พวงมาลัยหุ้มหนัง (ปรับ 4 ทิศทาง)
ภายในโทนสีดำ (-น้ำตาล)
อุปกรณ์ภายในอื่นๆ (เบาะนั่งแถวที่สองแบบ Captain Seat ปรับแบบแมนวล)
พวงมาลัยไฟฟ้า (EPS)

สเปค
   มอเตอร์ไฟฟ้า                  มอเตอร์ไฟฟ้าPermanent Magnet Synchronous Motor กำลัง 245 แรงม้า แรงบิด 350 นิวตันเมตร
   กำลังเครื่องยนต์ (แรงม้า)    แรงม้า
   ระบบเกียร์                      เกียร์อัตโนมัติ
   รูปแบบเกียร์
   ระบบเบรค ABS              มี
   ชนิดแบตเตอรี่                ไฟฟ้า
   ความจุแบตเตอรี่              90 kWh
   ระยะทางวิ่ง/การชาร์จ 1 ครั้ง       ให้ระยะทางสูงสุด 570 กิโลเมตร ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง ตามมาตรฐาน NEDC
   น้ำหนักตัวรถ                           -
   ประเภทยางรถยนต์                    -
   ขนาดล้อ (นิ้ว)                       ล้ออัลลอย (18 นิ้ว​)
   ระบบขับเคลื่อน                      ขับเคลื่อนสี่ล้อ

ระบบความปลอดภัยระบบความปลอดภัย

อุปกรณ์ความปลอดภัย
ตัวถังนิรภัย
ดิสก์เบรก 4 ล้อ (ดิสก์เบรกหน้าพร้อมช่องระบายความร้อน)
กุญแจนิรภัย
ไฟเบรกดวงที่ 3 (LED)
สัญญาณเตือนถอยหลัง (หน้า-หลัง)
ระบบกระจายแรงเบรก EBD
อุปกรณ์เสริมความปลอดภัยอื่นๆ (ระบบป้องกันการไหลของรถโดยไม่ต้องเหยียบเบรกค้าง AVH,ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน LKA, ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน และช่วยควบคุมรถเมื่อออกนอกเลน ELK, ระบบช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกเลน LDW)
เข็มขัดนิรภัย (คู่หน้าแบบดึงรั้งกลับ พร้อมผ่อนแรงอัตโนมัติ)
อื่นๆ (ระบบตรวจสอบความผิดปกติของลมยาง TPMS, ระบบตรวจจับพฤติกรรมการขับขี่ DMS, ระบบช่วยเตือนการชน FCW และระบบช่วยเบรก AEB)
กล้อง (มองภาพรอบทิศทางแบบ 3 มิติ)
เทคโนโลยีเตือนจุดอับสายตา (Blind Spot Warning - BSW) ((BSD / RCTA / DOW))
เบรกมือไฟฟ้า (EPB)
จุดยึดเบาะนั่งสำหรับเด็ก (ISOFIX ที่นั่งแถวที่ 2 และ 3)

5
ตรวจสุขภาพ: โรคหัวใจขาดเลือด/โรคหลอดเลือดหัวใจตีบ (Ischemic heart disease) โรคหัวใจขาดเลือดชั่วขณะ (Angina pectoris)

แพทย์จะให้การดูแลรักษา ดังนี้

1. ในรายที่สงสัยเป็นโรคหัวใจขาดเลือดชั่วขณะ (มีอาการเจ็บแน่นหน้าอกเพียงชั่วขณะ เป็นบางครั้งบางคราว) แพทย์มักจะวินิจฉัยโดยการตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ (electrocardiography/ECG/EKG) ตรวจเลือด ตรวจปัสสาวะ (ดูว่าเป็นเบาหวาน มีภาวะไขมันในเลือดผิดปกติ หรือปัจจัยเสี่ยงอื่น ๆ หรือไม่)

ในกรณีที่คลื่นไฟฟ้าหัวใจบอกผลได้ไม่ชัดเจน* อาจจำเป็นต้องทำการตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจซ้ำ หรือทำการตรวจพิเศษอื่น ๆ เพิ่มเติม เช่น การตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจขณะออกกำลังกาย (exercise stress test) โดยการวิ่งบนสายพานหรือปั่นจักรยาน การถ่ายภาพหัวใจด้วยคลื่นเสียงความถี่สูง (echocardiography) การถ่ายภาพรังสีหลอดเลือดหัวใจ (coronary angiography) เป็นต้น

การรักษา แพทย์จะให้ยาขยายหลอดเลือดหัวใจกลุ่มไนเทรต เพื่อป้องกันและบรรเทาอาการเจ็บหน้าอก ได้แก่ ไนโตรกลีเซอรีน (nitroglycerine) หรือไอโซซอร์ไบด์ (isosorbide) อมใต้ลิ้นทันทีเมื่อมีอาการเจ็บหน้าอก ยานี้อาจมีผลข้างเคียงทำให้เกิดอาการปวดศีรษะแบบตุบ ๆ ที่ขมับคล้ายไมเกรน เนื่องจากหลอดเลือดที่ขมับขยายตัว บางรายอาจมีอาการเป็นลมขณะลุกขึ้นยืน ดังนั้นเวลาจะอมยากลุ่มนี้ ควรนั่งลงเสียก่อนอย่าอยู่ในท่ายืน

นอกจากนี้ อาจให้ยาขยายหลอดเลือดหัวใจชนิดออกฤทธิ์นาน เช่น ไอโซซอร์ไบด์ (isosorbide) ไดไพริดาโมล (dipyridamole) เพนตาอีริไทรทอล (pentaerythritol) เพื่อป้องกันมิให้เกิดอาการ

ผู้ป่วยทุกราย แพทย์จะให้ยาต้านเกล็ดเลือด ได้แก่ แอสไพริน ขนาด 81-325 มก. วันละครั้ง เพื่อไม่ให้เกล็ดเลือดจับเป็นลิ่มเกาะที่ผนังหลอดเลือดหัวใจมากขึ้น ถ้าแพ้แอสไพรินหรือมีข้อห้ามใช้ยานี้อาจให้ไทโคลพิดีน (ticlopidine) 250 มก. วันละ 2 ครั้ง หรือโคลพิโดเกรล (clopidogrel) 75 มก. วันละครั้ง

บางครั้งอาจต้องให้ยาปิดกั้นบีตา ยาต้านแคลเซียม หรือยาต้านเอซ ซึ่งสามารถลดการเกิดโรคกล้ามเนื้อหัวใจตาย และป้องกันการเสียชีวิตได้

ถ้าผู้ป่วยมีโรคที่เป็นสาเหตุ เช่น ภาวะไขมันในเลือดสูง เบาหวาน ความดันโลหิตสูง ก็ต้องให้ยารักษาโรคเหล่านี้ร่วมด้วย

ในรายที่มีอาการเจ็บหน้าอกบ่อย หรือใช้ยาไม่ได้ผล แพทย์จะทำการสวนหัวใจและฉีดสีถ่ายภาพหลอดเลือดหัวใจ (cardiac catheterization and  angiogram) ถ้าพบว่ามีการอุดกั้นรุนแรงหรือหลายแห่ง ก็จะทำการแก้ไขโดยการขยายหลอดเลือดด้วยบอลลูน (นิยมเรียกว่า การทำบอลลูน)** และใส่หลอดลวดตาข่าย (stent) คาไว้ในหลอดเลือดบริเวณที่ตีบตัน

ในบางครั้งแพทย์อาจพิจารณาทำการผ่าตัดเปิดทางระบาย (ทางเบี่ยง) ของหลอดเลือดหัวใจ (นิยมเรียกว่า การผ่าตัดบายพาส)*** วิธีนี้มักใช้กับผู้ป่วยที่มีอาการเจ็บหน้าอกรุนแรง ใช้ยารักษาไม่ได้ผล หรือไม่สามารถทำบอลลูนหรือทำบอลลูนไม่ได้ผล

2. ถ้ามีอาการเจ็บหน้าอกรุนแรงหรือต่อเนื่องเป็นชั่วโมง ๆ ถึงเป็นวัน ๆ มีภาวะหัวใจวาย ช็อกหรือหมดสติ หรือมีอาการเจ็บหน้าอกรุนแรงและบ่อยขึ้นกว่าเดิม หรือมีอาการเจ็บหน้าอกขณะพักหรือออกแรงเพียงเล็กน้อย

แพทย์จะทำการตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ ตรวจเลือด (มักพบระดับ creatine kinase-MB และ troponin ในเลือดสูงกว่าปกติในผู้ป่วยที่มีโรคกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลัน) และตรวจพิเศษอื่น ๆ ถ้าพบว่าเป็นโรคกล้ามเนื้อหัวใจตาย หรือโรคหัวใจขาดเลือดชั่วขณะแบบไม่คงที่ (unstable angina) ก็จะรับตัวไว้รักษาในโรงพยาบาล

การรักษา ในรายที่เป็นโรคกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลัน แพทย์จะให้แอสไพรินเคี้ยวก่อนกลืน (ถ้ายังไม่ได้รับมาก่อน ซึ่งจะช่วยลดขนาดของลิ่มเลือดที่อุดตัน ช่วยให้รอดชีวิตได้) ให้ยาปิดกั้นบีตา (เพื่อลดอัตราการเต้นของหัวใจ ลดการทำงานของหัวใจ ป้องกันไม่ให้กล้ามเนื้อหัวใจถูกทำลายมากขึ้น) ให้ยาต้านเอซ (เพื่อลดการพองตัวของหัวใจ รักษาภาวะหัวใจวาย ช่วยลดการตายลงได้) ฉีดมอร์ฟีนระงับปวด และให้ออกซิเจน

นอกจากนี้ แพทย์อาจพิจารณาให้การรักษาขั้นต่อไป คือ การให้ยาละลายลิ่มเลือด (thrombolytic  agent ได้แก่ ทีพีเอ (tPA/recombinant tissuetype plasminogen activator) หรือสเตรปโตไคเนส (streptokinase) ฉีดเข้าทางหลอดเลือดดำ (ซึ่งจะได้ผลดีเมื่อให้ภายใน 6 ชั่วโมงหลังเกิดอาการ) หรือไม่ก็อาจพิจารณาทำบอลลูนหรือผ่าตัดบายพาสแบบฉุกเฉิน

บางกรณี แพทย์อาจให้สารกันเลือดเป็นลิ่ม ได้แก่ เฮพารินชนิดน้ำหนักโมเลกุลต่ำ (low molecular weight heparin/LMWH) เสริมในรายที่ให้ทีพีเอ (tPA) หรือทำบอลลูน

ใน 2-3 วันแรก ผู้ป่วยจำเป็นต้องนอนพักอยู่บนเตียง (ห้ามลงจากเตียง) ผู้ป่วยต้องงดสูบบุหรี่โดยเด็ดขาด แพทย์จะให้ยาระบายเพื่อไม่ให้ผู้ป่วยเบ่งถ่ายอุจจาระเพราะท้องผูก ให้ยาจิตประสาทเพื่อควบคุมภาวะวิตกกังวลหรือซึมเศร้า โดยทั่วไปหากไม่มีภาวะแทรกซ้อนผู้ป่วยจำเป็นต้องพักรักษาตัวในโรงพยาบาลนาน 5-7 วัน เมื่ออาการทุเลาดีแล้ว ก็จะเริ่มทำกายภาพบำบัดฟื้นฟูสภาพหัวใจให้แข็งแรง และให้ยารักษาแบบเดียวกับโรคหัวใจขาดเลือดชั่วขณะอย่างต่อเนื่องต่อไป

สำหรับผู้ป่วยที่เป็นโรคหัวใจขาดเลือดชั่วขณะแบบไม่คงที่ แพทย์จะรับตัวไว้รักษาในโรงพยาบาลเพื่อเฝ้าสังเกตอาการอย่างใกล้ชิด ให้ยาแบบเดียวกับโรคหัวใจขาดเลือดทั่วไป รวมทั้งให้สารกันเลือดเป็นลิ่ม (ได้แก่ เฮพาริน) และยาต้านเกล็ดเลือด (เช่น แอสไพริน ไทโคลพิดีน หรือโคลพิโดเกรล) ให้ยาปิดกั้นบีตา และให้ไนโตรกลีเซอรีนชนิดฉีดเข้าทางหลอดเลือดดำ เพื่อลดการทำงานของหัวใจ ถ้าไม่ตอบสนองต่อการรักษาทางยา ก็จะทำการถ่ายภาพรังสีหลอดเลือดหัวใจและทำบอลลูนหรือผ่าตัดบายพาส

ผลการรักษา ขึ้นกับความรุนแรงของโรค สภาพของผู้ป่วย โรคที่พบร่วม และวิธีรักษา

ในรายที่เป็นโรคหัวใจขาดเลือดชั่วขณะแบบเป็น ๆ หาย ๆ เรื้อรัง มักได้ผลการรักษาที่ดี การใช้แอสไพรินสามารถป้องกันไม่ให้กลายเป็นโรคกล้ามเนื้อหัวใจตาย และลดการตายลงได้ ส่วนการทำบอลลูนและการผ่าตัดบายพาส ช่วยให้ผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงสูงอยู่รอดปลอดภัยมากขึ้น

ปัจจัยที่ทำให้ผลการรักษาไม่สู้ดี ได้แก่ ผู้ป่วยอายุมาก เป็นเบาหวาน ความดันโลหิตสูง สูบบุหรี่ มีอาการรุนแรง มีภาวะแทรกซ้อน (เช่น หัวใจวาย)

ผู้ป่วยที่เป็นโรคหัวใจขาดเลือดแบบไม่คงที่ ถ้าเริ่มมีกล้ามเนื้อหัวใจตายบางส่วน หรือมีความล่าช้าในการถ่ายภาพรังสีหลอดเลือดหัวใจและการบำบัดที่เหมาะสม ผลการรักษามักจะไม่ดี

ผู้ป่วยที่เป็นโรคกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลัน ถ้าเป็นรุนแรงหรือกล้ามเนื้อหัวใจถูกทำลายปริมาณมาก ก็มักจะเสียชีวิตอย่างรวดเร็วหรือทันทีทันใด ในรายที่สามารถมีชีวิตรอดได้ 2-3 วันหลังเกิดอาการก็มักจะฟื้นตัวจนเป็นปกติได้ ซึ่งบางรายอาจกำเริบซ้ำและเสียชีวิตภายใน 3-4 เดือนถึง 1 ปีต่อมา  ผู้ป่วยกลุ่มนี้มักมีอาการต่อเนื่อง เช่น เจ็บหน้าอกเป็นครั้งคราว หัวใจเต้นผิดจังหวะหรือภาวะหัวใจวาย มักพบอัตราตายและการเกิดภาวะแทรกซ้อนสูงในผู้ป่วยที่เป็นเบาหวาน หรือมีภาวะหัวใจห้องบนเต้นแผ่วระรัว ร่วมด้วย

ส่วนในรายที่ได้รับการทำบอลลูนหรือผ่าตัดบายพาส มักจะฟื้นสภาพได้ดี และมีชีวิตได้ยืนยาวขึ้น แต่บางรายก็อาจมีหลอดเลือดหัวใจตีบตันซ้ำ ซึ่งอาจต้องทำบอลลูนหรือผ่าตัดบายพาสซ้ำ

*การตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจมีความไวในการวินิจฉัยโรคนี้ประมาณร้อยละ 50-75 หมายความว่า ประมาณร้อยละ 50-75 ของผู้ที่เป็นโรคหัวใจขาดเลือด ผลการตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจจะบอกว่าผิดปกติ และประมาณร้อยละ 25-50 ผลการตรวจจะบอกว่าปกติ เรียกว่า ผลลบลวง (false negative) อาจทำให้วินิจฉัยผิดได้

**การขยายหลอดเลือดด้วยบอลลูน (percutaneous transluminal coronary angioplasty/PTCA) แพทย์จะใช้สายที่มีบอลลูน (balloon) อยู่ตรงปลาย สอดใส่เข้าหลอดเลือดแดงต้นขา (femoral artery) แล้วแยงขึ้นไปจนเข้าไปตรงบริเวณหลอดเลือดหัวใจที่ตีบตัน แล้วเป่าลมให้บอลลูนพองตัว ดันตะกรันท่อเลือดแดง (atheroma) ให้แฟบและทำการขยายหลอดเลือด

***การผ่าตัดบายพาส (bypass surgery หรือ coronary artery bypass grafting/CABG) เป็นการผ่าตัดโดยนำหลอดเลือดจากส่วนอื่น (เช่น หลอดเลือดขา) ไปต่อเชื่อมระหว่างหลอดเลือดหัวใจ (ส่วนที่ยังไม่มีการตีบตัน) กับหลอดเลือดแดงใหญ่


6
บิ๊กไบค์ บีเอ็มดับเบิลยู BMW F 900 GS Trophy ปี 2024
665,000 บาท 

บีเอ็มดับเบิลยู BMW F 900 GS Trophy ปี 2024
BMW F 900 GS Trophhy เครื่องยนต์ที่ได้รับการอัพเกรดเป็น 2 สูบแถวเรียง ระบายความร้อนด้วยน้ำ ขนาด 895 ซีซี ให้กำลังสูงสุด 77 กิโลวัตต์ / 105 แรงม้า ที่ 8,500 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุด 93 นิวตันเมตร ที่ 6,750 รอบต่อนาที เครื่องยนต์นี้ส่งมอบอัตราเร่งที่รวดเร็วและการส่งกำลังที่เหมาะสมที่สุดสำหรับทุกสภาพพื้นผิว และด้วยน้ำหนักที่ลดลงไปถึง 14 กิโลกรัมหากเทียบกับรุ่นก่อน ทำให้ F 900 GS เป็นหนึ่งในรถมอเตอร์ไซค์ GS สปอร์ตที่คล่องตัวที่สุด มากับสีขาวตัดฟ้า Lightwhite / Racing Blue Metallic

รายละเอียดเบื้องต้น
   แบรนด์            BMW
   รุ่น                 บีเอ็มดับเบิลยู BMW F 900 GS Trophy ปี 2024
   ประเภทรถ       Adventure Bigbike
   ปีที่เปิดตัว       2024
   ราคา             665,000 บาท

สเปค
   รูปแบบเกียร์     เกียร์ธรรมดา
   ระบบเกียร์       6 เกียร์
   รายละเอียดเครื่องยนต์       2 สูบ , 2 วาล์ว/สูบ DOHC 105 แรงม้า และแรงบิด 93 นิวตันเมตร
   ระบบระบายความร้อน        น้ำ
   ระบบสตาร์ท                   สตาร์ทไฟฟ้า (มือ)
   ขนาดเครื่องยนต์ (CC)      895 CC
   แบบเครื่องยนต์               4 จังหวะ
   ระบบจุดระเบิด               Electronic
   ประเภทน้ำมันเชื้อเพลิง    เบนซิน 91, แก๊สโซฮอล์ 95 (E10), แก๊สโซฮอล์ 91, เบนซิน 95
   ระบบจ่ายน้ำมัน             หัวฉีด (อิเล็กทรอนิกส์)
   ความจุถังน้ำมัน (ลิตร)       14.5 ลิตร
   ระบบกันสะเทือน             ล้อหน้า โช้คหัวกลับขนาด 43 มม.สามารถตั้งค่า spring pre-load, rebound และ compression, ล้อหลัง สวิงอาร์มอลูมิเนียม Central spring strut สามารถตั้งค่า spring pre-load hydraulically และ rebound damping

   ระบบเบรค                      ล้อหน้า ดิสก์เบรก (ดิสก์เบรกคู่แบบ Floating ขนาด 305 มม. คาลิปเปอร์ 2 ลูกสูบ ระบบ ABS:BMW Motorrad ABS PRO), ล้อหลัง ดิสก์เบรก (ดิสก์เบรคเดี่ยว ขนาด 265 มม. คาลิปเปอร์ 1 ลูกสูบ ระบบ ABS:BMW Motorrad ABS PRO)
   แบบวงล้อ                      ซี่ลวด
   ขนาดยาง                      ล้อหน้า 90/90-21, ล้อหลัง 150/70 R17
   ขนาด (ยาวxกว้างxสูง มม.)  2,270 x 943 x 1,393
   น้ำหนักตัวรถ                     219.00 กก.

7
จัดฟันบางนา: การจัดฟันแบบใส พิเศษกว่าการจัดฟันแบบใส่เหล็ก
 
หลายคนคงทราบกันดีอยู่แล้วว่า การจัดฟัน สามารถแก้ไขปัญหาฟันไม่สวย ฟันหน้ายื่น ฟันซ้อน ฟันเก ได้อย่างมีประสิทธิภาพ  ในปัจจุบันการจัดฟันมีราคาที่ค่อนข้างหลากหลาย สามารถเลือกชนิดเครื่องมือได้ตามความเหมาะสม ตามการใช้ชีวิตประจำวันของแต่ละบุคคล เช่น  จัดฟันแบบโลหะ จัดฟันแบบดามอน หรือจัดฟันแบบใส invisalign โดยเราสามารถศึกษารายละเอียด ก่อนเข้ารับการรักษาได้ หรือทางที่ดีควรที่จะปรึกษาทันตแพทย์จัดฟันโดยตรง เพื่อที่จะได้เลือกรูปแบบการจัดฟันที่เหมาะสมกับปัญหาของเราจริงๆ แต่ในแง่ของการจัดฟัน

รูปแบบที่ได้รับความนิยมมากก็คือ การจัดฟันแบบใส เพราะด้วยขั้นตอนและความสะดวกสายในการใช้ชีวิตประจำวัน ถือว่าตอบโจทย์ได้ดีกว่าการจัดฟันในรูปแบบอื่น เพราะการจัดฟันแบบใส เป็นการจัดฟัน ด้วยเครื่องมือจัดฟันที่ทำจากพลาสติก ที่แทบจะไม่สามารถมองเห็นได้ ซึ่งคุณสวมไว้บนฟัน เพื่อให้ฟันเคลื่อนฟันให้เข้าที่อย่างช้าๆ ซึ่งจะช่วยให้ผู้เข้ารับการจัดฟันสามารถมีไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตของการไว้ได้ในระหว่างการจัดฟันแบบใสได้ตามปกติ แถมยังสามารถถอดเครื่องมือการจัดฟันออกได้ขระรับประทานอาหารและขณะแปรงฟัน

ซึ่งจะเห็นได้ว่า เราสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ รับประทานอาหารได้อย่างเต็มที่ และยังช่วยส่งเสริมในเรื่องของสุขภาพช่องปากและฟันของเราอีกด้วย ซึ่งถือว่า การจัดฟันแบบใส จะพิเศษกว่าการจัดฟันในรูปแบบอื่นทั้งในเรื่องของความแม่นยำของผลการรักษา การใช้ชีวิตประจำวัน และการรักษาสุขอนามัย นอกจากนี้ การจัดฟันแบบใส เป็นการจัดฟันที่ไม่ต้องติดเหล็กจัดฟันและลวด สาเหตุของการระคายเคืองในช่องปากอีกทั้งลดระยะเวลาในการปรับตำแหน่งเครื่องมืออีกด้วย
 
สำหรับวันนี้คลินิกเราจะมาพูดถึงเรื่องของการจัดฟันแบบใส ที่มีความพิเศษกว่าการจัดฟันแบบใส่เหล็ก ซึ่งแน่นอนว่า ใครที่เคยผ่านการจัดฟันมา ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบใด ก็คงจะมีประสบการณ์อันยากลำบากที่จะเลี่ยงการเกิดแผลภายในช่องปาก ซึ่งเป้นปัญหาที่ใครหลายคนมักจะพบเจอได้บ่อย แถมในเรื่องของการรับประทานอาหารจะต้องระมัดระวังเพื่อไม่ให้กระทบกระเทือนต่อเครื่องมือการจัดฟันด้วย เพราะเครื่องมือการจัดฟันแบบเหล็กอาจจะเกิดหลุดขณะรับประทานอาหารได้ แต่ในการจัดฟันแบบใส

ผู้เข้ารับการจัดฟันจะสามารถรับประทานอาหารได้อย่างหลากลาย เนื่องจากสามารถถอดเครื่องมือการจัดฟันออกได้ ขณะรับประทานอาหาร จึงไม่ต้องกังวลในเรื่องของเครื่องมือการจัดฟัน นี่ถือเป้นจุดเด่นของการจัดฟันแบบใส ที่ทำให้ใครหลายๆคนเลือกที่จะเข้ารับการจัดฟันในรูปแบบนี้

นอกจากนี้ การจัดฟันแบบใส ยังสามารถทำให้ผู้เข้ารับการจัดฟันสามารถทำความสะอาดช่องปากและฟันได้อย่างสะดวก และมีประสิทธิภาพด้วย ทำให้ผู้เข้ารับการจัดฟันมีสุขภาพช่องปากและฟันที่แข็งแรง ลดการเกิดปัญหาเกี่ยวกับช่องปาก ไม่ทำให้เกิดฟันผุ นอกจากนี้ ความพิเศษอีกอย่างหนึ่งของการเข้ารับการจัดฟันแบบใส  ก็คือ เครื่องมือสามารถถอดง่าย ใส่สบาย

และที่สำคัญผู้เข้ารับการจัดฟันสามารถดูแผนการรักษาในรูปแบบ 3D ได้ ทำให้เห็นภาพการเคลื่อนของฟันอย่างเป็นลำดับต่อเนื่องก่อนเข้ารับการรักษา เพราะทันตแทพย์จะวางแผนการรักษาทำให้ผู้เข้ารับการจัดฟันได้สามารถออกแบบรอยยิ้มได้ด้วยตนเอง


อย่างไรก็ตาม หากใครสนใจเข้ารับการจัดฟันแบบใส สามารถติดต่อขอรับคำแนะนำได้ที่คลินิกเพราะทางเรามีทันตแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญ มีประสบการณ์อย่างยาวนานในด้านการจัดฟันแบบใส พร้อมทั้งทางเรายังมีเครื่องมือทางด้านทันตกรรมที่ทันสมัย มีความปลอดภัย และเรายังได้รับการรับรองสูงสุดจากทาง Invisalign ให้สามารถเข้ารับการจัดฟันแบบใสได้อย่างถูกต้อง มีมาตรฐานสากล และมีความน่าเชื่อถือ เพื่อให้ผู้เข้ารับการจัดฟันมีความปลอดภัยในทุกขั้นตอนการรักษา และมีผลการรักษาที่มีประสิทธิภาพ สามารถใช้งานฟันได้อย่างเต็มประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ทั้งยังช่วยส่งเสริมในเรื่องของสุขภาพช่องปากและฟัน และทำให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นด้วย

8
มอเตอร์เอ็กซ์โปร์ 2024: เกีย KIA-EV5 Earth Long Range-ปี 2024
1,599,000 บาท

เกีย KIA-EV5 Earth Long Range-ปี 2024
Kia EV5 Earth Long Range มาพร้อมตัวเลือกระบบส่งกําลังไฟฟ้าหลากรูปแบบ โดยในรุ่นนี้ติดตั้งแบตเตอรี่ขนาด 88.1 กิโลวัตต์/ชั่วโมง ใช้มอเตอร์ไฟฟ้าขับเคลื่อนล้อหน้าขนาด 160 กิโลวัตต์ ให้ระยะทางจากพลังงานไฟฟ้าตามมาตรฐาน NEDC สูงสุดถึง 665 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง สามารถสร้างอัตราเร่งจาก 0 ถึง 100 กม./ชม. ภายในเวลา 8.9 วินาที ด้วยกําลังมอเตอร์สูงสุด 217 แรงม้า และแรงบิดสูงสุดถึง 310 นิวตันเมตร มาพร้อมล้ออัลลอยขนาด 19 นิ้ว อีกทั้งยังมีฟีเจอร์มาตรฐานเพื่อความปลอดภัยมากมาย

รายละเอียดเบื้องต้น
   แบรนด์              KIA
   รุ่น                   เกีย KIA-EV5 Earth Long Range-ปี 2024
   ประเภทรถ          รถอเนกประสงค์ SUV, Electric - EV
   ปีที่เปิดตัว           2024
   ราคา                 1,599,000 บาท

ดีไซน์
   ภายนอก
สปอยเลอร์หลังพร้อมไฟเบรค
ระบบควบคุมระยะการจอด (เซ็นเซอร์ ด้านหน้า, ข้าง และหลัง)
ไฟหน้า LED (แบบ Multi Reflection 3 จุด,ไฟหรี่หน้าแบบ LED)
ไฟท้าย LED
อุปกรณ์ภายนอกอื่นๆ (มือจับประตูแบบ Flush type ทํางานแบบ อัตโนมัติ,วัสดุตกแต่งซุ้มล้อ และกาบข้างสีดําเงา)
ยางอะไหล่สำรอง (จะได้เป็นชุดอุปกรณ์ฉุกเฉิน)
หลังคาพาโนรามิคซันรูฟ (บริเวณด้านหน้า และหลัง)
ขนาดยางหน้า-หลัง (235/55R19)
ไฟ Daytime Running Lights
ล้ออัลลอย (19 นิ้ว)

   ภายใน
พวงมาลัยหุ้มหนัง (สังเคราะห์ แบบ 4 ก้าน ปรับระดับ 4 ทิศทาง)
กระจกมองหลังตัดแสง (อัตโนมัติ)
อุปกรณ์ภายในอื่นๆ (แผงปิดสัมภาระอเนกประสงค์แบบปรับตั้งได้)
ระบบปรับรูปแบบการขับขี่ (ด้วยสวิตช์)

สเปค
   มอเตอร์ไฟฟ้า          มอเตอร์ไฟฟา Permanent Magnet Synchronous Motor กำลัง 217 แรงม้า แรงบิด 310 นิวตันเมตร ความเร็วสูงสุด 185 กม./ชม. อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใน 8.9 วินาที

   กำลังเครื่องยนต์ (แรงม้า)     แรงม้า
   ระบบเกียร์                       เกียร์อัตโนมัติ
   รูปแบบเกียร์                    สวิตช์เกียร์แบบ Column-type Shift by Wire พร้อม Paddle Shift ปรับการทํางานของ Regenerative Brake
   ระบบเบรค ABS                 มี
   ชนิดแบตเตอรี่                 ไฟฟ้า
   ความจุแบตเตอรี่               88.1 kWh

   ระยะทางวิ่ง/การชาร์จ 1 ครั้ง
665 กม. มาตรฐาน NEDC รองรับการชาร์จแบบกระแสสลับ (AC) สูงสุด  7 kW Single-phase / 11 kW Three-phase รองรับการชาร์จแบบกระแสตรง (DC) สูงสุด 141 kW ระยะเวลาในการชาร์จจาก 10% ถึง 100% ผ่าน AC 8 ชม. 10 นาที ระยะเวลาในการชาร์จจาก 10% ถึง 80% ผ่าน DC Fast charge EVSE 38 นาที

   น้ำหนักตัวรถ              2,030 กก.
   ประเภทยางรถยนต์             -
   ขนาดล้อ (นิ้ว)            ล้ออัลลอย (19 นิ้ว)
   ระบบขับเคลื่อน           ขับเคลื่อนล้อหน้า

ระบบความปลอดภัยระบบความปลอดภัย

อุปกรณ์ความปลอดภัย
ระบบควบคุมการทรงตัวอัตโนมัติ (ESC และควบคุมการทรงตัวขณะลากจูง TSA)
ดิสก์เบรก 4 ล้อ (พร้อมครีบระบายความร้อน)
กุญแจรีโมท (Smart Key)
ระบบกระจายแรงเบรก EBD (พร้อมระบบ Multi-Collision Brake)
อุปกรณ์เสริมความปลอดภัยอื่นๆ (ระบบช่วยควบคุมให้รถอยู่ในช่องจราจร, ระบบป้องกันการชนด้านหน้าพร้อมตรวจจับรถยนต์ คน และจักรยาน พร้อม Junction Assist)
เข็มขัดนิรภัย (คูู่หน้าแบบ 3 จุด ELR ปรับระดับสูง -ต่ำ เข็มขัดนิรภัยแถวที่ 2 แบบ 3 จุด ELR และ ระบบแจ้งเตือนมีผู้โดยสารอยู ่ด้านหลัง)
ระบบช่วยการออกตัวขณะจอดบนทางลาดชัน (HAC และควบคมเบรกขณะลงทางลาดชัน DBC)
กล้อง (มองรอบทิศทาง)
เทคโนโลยีเตือนจุดอับสายตา (Blind Spot Warning - BSW) (ที่กระจกมองข้าง,ระบบแสดงภาพมุมอับสายตาบนหน้าจอ)
เทคโนโลยีตรวจจับวัตถุด้านหลังรถขณะถอย (Rear Cross Traffic Alert - RCTA) (และระบบป้องกันการออกจากรถขณะมีรถวิ่งมาด้านข้าง)
เบรกมือไฟฟ้า (พร้อม Auto Brake Hold)
จุดยึดเบาะนั่งสำหรับเด็ก ((ISOFIX) บนเบาะแถวที่ 2 และสวิตช์ควบคุมระบบป้องกันเด็กเปิดประตูหลังแบบไฟฟ้า)

9
9 ของทำบุญ ถวายสังฆทาน ทางวัดได้ใช้ คนถวายได้อานิสงส์!

หนึ่งในบุญที่ได้อานิสงส์มาก ก็คือ สังฆทาน หากใครเป็นสายบุญที่มองหา ไอเดียจัดสังฆทานด้วยตัวเอง ที่ถวายแล้วทางวัดได้ใช้ และผู้ถวายก็ได้อานิสงส์แรงล่ะก็ เรามีของทำบุญมาแนะนำกันค่ะ ว่าสามารถถวายอะไรได้บ้าง และของทำบุญแต่ละอย่างมีอานิสงส์อย่างไร พร้อมโปรโมชั่นดีๆ สำหรับช้อปของทำบุญออนไลน์มาฝากกันค่ะ

 การทำสังฆทาน มีอานิสงส์อย่างไร

    สังฆทาน แยกเป็น 2 คำ ได้แก่ ”สังฆะ” และ ”ทาน” โดยมีความหมายดังนี้ค่ะ

    สังฆะ หมายถึง ภิกษุตั้งแต่ 2 รูปขึ้นไป
    ทาน หมายถึง การให้, แบ่งปัน, แจกจ่ายวัตถุสิ่งของปัจจัยสี่ด้วยเจตนาอันบริสุทธิ์

       เมื่อรวมกันแล้ว "สังฆทาน" จึงหมายถึง การถวายวัตถุปัจจัยโดยความตั้งใจอุทิศให้เป็นของหมู่พระภิกษุ โดยไม่เจาะจงพระสงฆ์รูปใดรูปหนึ่ง ซึ่งพระพุทธองค์ทรงตรัสยกย่องสังฆทานว่ามีอานิสงส์มาก และนับได้ว่าเป็นการแสดงออกถึงการไม่เลือกปฏิบัติทางด้านบุคคล

 สังฆทาน แนวใหม่ ควรมีอะไรบ้าง ถวายเครื่องสังฆทานอะไรดี

      สิ่งที่ควรมีในชุดถวายสังฆทาน ควรเป็นปัจจัยสี่ ที่จำเป็นต่อการดำเนินชีวิตของพระสงฆ์ โดยจะเป็นเครื่องอุปโภคหรือบริโภคก็ได้ ที่ไม่ขัดต่อธรรมวินัย ซึ่งไม่จำเป็นต้องซื้อสังฆทานถังเหลืองที่จัดแบบสำเร็จรูปเสมอไป แต่เราสามารถจัดเองได้เช่นกัน ซึ่งมีข้อดีที่เราสามารถเช็กวันหมดอายุได้ และคัดเลือกของคุณภาพดีที่เหมาะสมได้ตามต้องการ

 อานิสงส์ ของถวายสังฆทาน ถวายอะไรได้บุญอย่างไร

1. ยารักษาโรค ชุดยา

      หากทำบุญถวายสังฆทาน ด้วยยารักษาโรค ชุดยา จะได้รับอานิสงส์ในเรื่องสุขภาพ เป็นผู้มีอายุยืน มีกำลังมาก มีสถิปัญญาดี มีวรรณะดี ไม่พลัดพรากจากของรักก่อนเวลาอันควร มีชีวิตร่มเย็นเป็นสุข ผู้คนยำเกรง โดยควรเลือกยาสามัญประจำบ้านที่น่าเชื่อถือ มีฉลากการใช้ยาชัดเจน และยังไม่หมดอายุ นอกจากนี้อุปกรณ์ปฐมพยาบาลต่างๆ ก็เหมาะมากเช่นกันค่ะ เช่น ผ้าพันแผล ผ้าก๊อซ พลาสเตอร์ปิดแผล ยาฆ่าเชื้อ แอลกอฮอล์ หรือผ้าอ้อมผู้ใหญ่สำหรับพระภิกษุอาพาธ เป็นต้น ซึ่งสามารถปรึกษาเภสัชกรได้เลยค่ะ

 2. น้ำดื่ม

      หากทำบุญถวายสังฆทาน ด้วยน้ำดื่ม อานิสงส์จะทำให้เป็นผู้ไม่ขาดแคลนน้ำสะอาด มีเครื่องอุปโภคบริโภคบริบูรณ์ ชีวิตมีแต่ความราบรื่น ร่มเย็นดั่งสายน้ำ ทำสิ่งใดก็มีความคล่องตัว มีอุปสรรคน้อย ชีวิตจะทำให้เงินทองไหลมาเทมา

 3. ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด

      หากทำบุญถวายสังฆทาน ด้วยผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดต่างๆ เชื่อว่ามีอานิสงส์ช่วยให้ได้อยู่ในสภาพแวดล้อมที่สะอาดสะอ้าน น่ารื่นรมย์  มีผิวพรรณที่ผ่องใส ปราศจากมลทินสิ่งชั่วร้าย ซึ่งมีหลายอย่างที่เราสามารถถวายได้ เช่น สบู่ แปรงสีฟัน ยาสีฟัน ยาสระผม น้ำยาทำความสะอาด ถู ขัดพื้นผิวต่างๆ โดยแนะนำว่าตอนถวายควรจะจัดแยกประเภทไม่รวมกันทุกอย่างในบรรจุภัณฑ์เดียว เช่น ไม่เอาน้ำยาล้างห้องน้ำใส่รวมกับข้าวสารอาหารแห้ง เป็นต้นค่ะ

 4. รองเท้า

     หากทำบุญถวายสังฆทานด้วยรองเท้า จะได้รับอานิสงส์คือ ไม่ขาดแคลนยานพาหนะชั้นเลิศ เดินทางไปไหนมาไหนมีความปลอดภัย มีบริวารคอยช่วยเหลือ ทำสิ่งใดก็มีความสะดวกราบรื่น มีกัลยาณมิตรนำพาไปสู่ทางที่เจริญ

 5. ร่ม

     การทำบุญถวายสังฆทานด้วยร่มมีอานิสงส์คือ อยู่ในที่ๆ ไม่หนาวเกินไป ไม่ร้อนเกินไป ไม่มีฝุ่นละอองแปดเปื้อน เป็นผู้ไม่มีอันตราย พบเจอสิ่งที่เป็นมงคล ผู้คนยำเกรง มีผิวพรรณละเอียด เป็นผู้มีใจกว้างขวาง ชีวิตมีเเต่ความร่มเย็นเป็นสุข ไม่ตกต่ำ ซึ่งนิยมเลือกร่มสีสุภาพไม่ฉูดฉาด เช่น สีแก่นขนุน สีไพร และสีดำ เป็นต้น

 6. หมอน อาสนะ ที่นอน

      การถวายที่นอนย่อมมีอานิสงส์ คือ มีร่างกายสมส่วน มีรูปงามน่าดู ได้ญาณอันประเสริฐ ได้เครื่องนอนที่สวยงาม อ่อนนุ่ม และย่อมได้บรรลุฌานโดยง่าย

      ส่วนการถวายหมอนมีอานิสงส์ คือ  ได้หมอนที่สวยงามปราณีต และได้ญาณในมรรคผลในภายหน้า

      โดยควรเลือกแบบที่เหมาะสมกับพระสงฆ์ โดยพระวินัยกำหนดไว้ว่าบุรุษ-สตรี เมื่อจะถวายเตียงตั่งแก่พระต้องเลือกเอาแต่ที่มีเท้าสูงไม่เกิน 8 นิ้วพระสุคต หรือ 9 นิ้วฟุต เว้นไว้แต่แม่แคร่ และไม่มีรูปสัตว์ร้ายที่เท้า เช่น เตียงจมูกสิงห์ หรือบัลลังก์ และเตียงนั้นต้องไม่ใหญ่ถึงนอนได้ 2 คน ที่นอนก็ไม่ใหญ่อย่างเตียง ฟูกเตียง ฟูกตั่ง และที่นั่งที่นอนไม่ยัดนุ่นหรือสำลี (รตนวรรค ข้อ ๕ และ วิ. ๒/๓๙)

 7. หลอดไฟ เทียนพรรษา

     หากทำบุญถวายสังฆทานด้วยหลอดไฟฟ้า หรือ เทียนพรรษา จะมีอานิสงส์ช่วยให้เป็นผู้มีปัญญาดี มีความสามารถ เรียนรู้สิ่งใดก็ประสบความสำเร็จได้เร็ว เมื่อพบเจอกับอุปสรรคในชีวิตก็จะไม่อับจนหนทาง จะได้พบทางออกหรือมีผู้ชี้ทางสว่างให้เสมือนที่เคยได้ถวายแสงสว่างแก่ผู้อื่นนั่นเอง

 8. ข้าวสาร อาหารแห้ง

     หากทำบุญถวายสังฆทาน ด้วยข้าวสารอาหารแห้งต่างๆ จะได้รับอานิสงส์ทำให้มีข้าวปลาอาหารอุดมสมบูรณ์ ไม่อดอยาก มีของกินของใช้บริบูรณ์ มีผิวพรรณผ่องใส มีกำลังมาก และเป็นผู้มีอายุยืน ซึ่งเราสามารถเลือกของทำบุญที่ปราณีตได้ก็ยิ่งดีค่ะ เช่น เลี่ยงอาหารที่มีโซเดียมสูง หรืออาหารที่มีสารปรุงแต่งเยอะ และเลือกอาหารที่ดีต่อสุขภาพ เป็นต้นค่ะ

 9. เครื่องใช้ไฟฟ้า

     ในปัจจุบันเริ่มมีการใช้ไฟฟ้ากันมากขึ้น จึงสามารถถวายเครื่องใช้ไฟฟ้าได้ด้วยเช่นกัน  เช่น การถวายพัดลม เป็นต้น โดยเชื่อกันว่าการถวายพัดลมนั้นจะมีอานิสงส์ช่วยให้ชีวิตของเราร่มเย็น ไม่ขาดแคลนปัจจัยและสิ่งอำนวยความสะดวกในชีวิต หรือหากติดขัดอะไร ก็จะมีผู้ช่วยเหลือให้ผ่านพ้นไปได้ในที่สุด "เหมือนกับพัดลมที่ขับไล่ความร้อนออกไป ได้ความเบาสบายเข้ามาแทนที่" นั่นเองค่ะ

10
บ้านใหม่ 2024: กรีนแลนด์ 2 กำแพงแสน-นครปฐม (Greenland 2 Kamphaeng Saen-Nakhon Pathom)
ราคา : เริ่มต้น 1,690,000 บาท

จุดเด่น
ทาวน์โฮม 2 ชั้น ทำเลดี ใกล้ ม.เกษตรกำแพงแสน, โลตัสกำแพงแสน, โรงพยาบาลกำแพงแสนอินเตอร์, ตลาดกำแพงแสน สุข สงบ สะดวก ปลอดภัย

รายละเอียดโครงการ

ชื่อโครงการ : กรีนแลนด์ 2 กำแพงแสน-นครปฐม (Greenland 2 Kamphaeng Saen-Nakhon Pathom)
ดูบ้านราคาใกล้เคียง  ดู วีระวัฒน์ เรียลเอสเตท ทุกโครงการ
เจ้าของโครงการ : วีระวัฒน์ เรียลเอสเตท
ราคา : เริ่มต้น 1,690,000 บาท (ณ. วันที่ 10/11/2023)

 ประเภทบ้าน : ทาวน์เฮ้าส์ ทาวน์โฮม (Townhouse Townhome)
ลักษณะทำเล : บ้านชานเมือง, บ้านพักตากอากาศ, บ้านลักษณะทำเลอื่น
พื้นที่โครงการ : โปรดสอบถามข้อมูลกับทางโครงการ
จำนวนบ้าน : 7 หลัง
แบบบ้านทั้งหมด : 1 แบบ
เนื้อที่บ้าน : ตั้งแต่ 30 ตร.ว.
พื้นที่ใช้สอย : โปรดสอบถามข้อมูลกับทางโครงการ
จำนวนชั้น : 2 ชั้น
หน้ากว้าง : 5 ม.
จำนวนห้องนอน : 3 ห้อง
จำนวนที่จอดรถ : 2 คัน
สาธารณูปโภค : n/a
ขนส่งสาธารณะ : โปรดสอบถามข้อมูลกับทางโครงการ

สถานที่สำคัญใกล้เคียง :
ม.เกษตรกำแพงแสน
โลตัสกำแพงแสน
โรงพยาบาลกำแพงแสนอินเตอร์
ตลาดกำแพงแสน

 โซน : นครปฐม
ที่ตั้ง : ต.กำแพงแสน อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม


11
จัดฟันบางนา: รากฟันติดเชื้อ อันตรายกว่าที่คิด !

การรักษารากฟัน คือวิธีรักษาการติดเชื้อในโพรงประสาทฟันจากแบคทีเรียที่อาศัยอยู่ภายในปาก เข้าไปสร้างปัญหาเมื่อเกิดฟันผุ ฟันเป็นรู หรือฟันที่ได้รับอุบัติเหตุทำให้เนื้อฟันแตก หัก ซึ่งการรักษารากฟันไม่จำเป็นต้องถอนฟัน

แต่หากไม่ได้รับการรักษาอาจทำให้ฟันซี่นั้นเสียหายจนต้องถอนฟัน จะก่อเกิดปัญหาต่อการกัดหรือเคี้ยวอาหาร ทำให้ฟันเคลื่อน และยากต่อการทำความสะอาดช่องปาก และจะมีปัญหาเกี่ยวกับช่องปากตามมาได้

ดังนั้นจึงควรหมั่นดูแลรักษาสุขภาพช่องปากและฟันให้สะอาดอยู่เสมอ และรับการตรวจสุขภาพฟันโดยทันตแพทย์เป็นประจำทุก 6 เดือน


ระวัง !! ภาวะการติดเชื้อ บริเวณฝังรากฟันเทียม

การผ่าตัดฝังรากฟันเทียม ถือเป็นเรื่องที่เป็นนวัตกรรมใหม่ที่เกิดขึ้นในวงการทันตกรรม และเป็นที่นิยมเป็นอย่างมากสำหรับผู้ที่สูญเสียฟันธรรมชาติและการผ่าตัดฝังรากฟันเทียมนั้น ก็ต้องการการดูแลรักษาอย่างละเอียดและดีที่สุด เพื่อให้เกิดความสำเร็จในการรักษาผ่าตัดฝังรากฟันเทียม ซึ่งบางรายอาจจะละเลยการดูแลความสะอาด ทำให้แผลที่ผ่าตัดหรือรากฟันเทียมเกิดอาการติดเชื้อ ซึ่งหากไม่ได้รับการแก้ไขก็อาจจะลุกลามไปถึงบริเวณฟันซี่ใกล้เคียงได้ และอาจจะให้เกิดผลกระทบตามมาภายหลัง

สำหรับการฝังรากฟันเทียมนั้น หากบริเวณที่ได้ทำการฝังรากฟันเทียมลงไปเกิดอาการติดเชื้อแบบฉับพลัน หรือสูญเสียฟันไปเนื่องจากการติดเชื้อโรคปริทันต์ ก็จะส่งผลถึงบริเวณขอบกระดูก ทำให้การฝังรากเทียมนั้นมีความยุ่งยากและมีขั้นตอนที่ซับซ้อนขึ้นไปอีก แต่ในบางกรณีที่มีการติดเชื้อเรื้อรัง เช่นมีเงาดำบริเวณปลายรากฟัน ไม่มีหนอง ก็มันจะมีการทำลายกระดูกบริเวณปลายราก แต่หากบริเวณขอบกระดูกไม่โดนทำลาย ก็จะทำให้การรักษาผ่าตัดฝังรากฟันเทียมง่ายยิ่งขึ้น

ทั้งนี้ก่อนเข้ารับการรักษาผ่าตัดฝังรากฟันเทียมก็ควรดูแลสุขภาพช่องปากและฟันให้ดีก่อนเข้ารับการรักษา และควรเข้าปรึกษาทันตแพทย์เพื่อรับฟังคำแนะนำและการปฏิบัติตัวก่อนเข้ารับการรักษา เพื่อให้ผลการรักษาสำเร็จและมีความสมบูรณ์ในการรักษามากที่สุด เพื่อให้ผู้เข้ารับการรักษาได้มีรากฟันเทียมที่สามารถใช้ทดแทนฟันธรรมชาติที่เสียไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ และใช้งานรากฟันเทียมได้อย่างเป็นธรรมชาติมากที่สุด

12
รถยนต์ไฟฟ้า 2024: ฉางอาน CHANGAN Lumin L DC ปี 2024
499,000 บาท

ฉางอาน CHANGAN Lumin L DC ปี 2024
Changan Lumin L ออกแบบมาเพื่อตอบสนองความต้องการของคนรุ่นใหม่ ด้วยขนาดที่กะทัดรัดและเทคโนโลยีล้ำสมัย และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม มอบประสบการณ์การขับขี่ที่คล่องตัว มาพร้อมกับแบตเตอรี่ CATL วิ่งได้สูงสุด 301 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน NEDC รองรับการชาร์จแบบกระแสตรง DC เพื่อความสะดวกสบายของผู้ใช้งาน และด้วยรูปทรงที่น่ารักมาพร้อมสีสันสดใส ทำให้ LUMIN เป็น EV City Car ที่โดดเด่นและน่าจับตามอง

รายละเอียดเบื้องต้น
   แบรนด์            CHANGAN
   รุ่น                ฉางอาน CHANGAN Lumin L DC ปี 2024
   ประเภทรถ       รถเก๋ง 3 ประตู, Electric - EV
   ปีที่เปิดตัว       2024
   ราคา            499,000 บาท

ดีไซน์
   ภายนอก
กระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยว
ไฟตัดหมอก (หลัง)
ระบบควบคุมระยะการจอด (เซ็นเซอร์ด้านหลัง 2 จุด)
ล้อกระทะ (14 นิ้ว พร้อมฝาครอบ)
ไฟท้าย LED
ไฟหน้าแบบโปรเจคเตอร์ (ฮาโลเจน)
อุปกรณ์ภายนอกอื่นๆ (ระบบเปิดไฟเพื่อช่วยค้าหารถจากรีโมท)
ขนาดยางหน้า-หลัง (165/70R14)

   ภายใน
ตกแต่งภายใน (สีเทา-ดำ/สีเทาอ่อน-ส้ม)
ปลั๊กไฟ 12 โวลท์
ระบบปรับรูปแบบการขับขี่ (Eco/Sport)
พวงมาลัยไฟฟ้า

สเปค
   มอเตอร์ไฟฟ้า
มอเตอร์ Permanent Magnet Synchronous Motor ให้กำลัง 48 แรงม้า แรงบิด 83 นิวตันเมตร ความเร็วสูงสุด 101 กม./ชม. ระยะเวลาการชาร์จแบบ AC (0-100%) ใน 10 ชม. ระยะเวลาการชาร์จแบบ DC (30-80%) ใน 35 นาที พร้อมระบบดึงพลังงานกลับมาใช้ใหม่

   กำลังเครื่องยนต์ (แรงม้า)  แรงม้า
   ระบบเกียร์                    เกียร์อัตโนมัติ
   รูปแบบเกียร์
   ระบบเบรค ABS            มี
   ชนิดแบตเตอรี่             ไฟฟ้า
   ความจุแบตเตอรี่          28.08 kWh
   ระยะทางวิ่ง/การชาร์จ 1 ครั้ง  301
   น้ำหนักตัวรถ                    925 กก.
   ประเภทยางรถยนต์              -
   ขนาดล้อ (นิ้ว)
   ระบบขับเคลื่อน             ขับเคลื่อนล้อหน้า

ระบบความปลอดภัยระบบความปลอดภัย

อุปกรณ์ความปลอดภัย 
ระบบควบคุมการทรงตัวอัตโนมัติ (ESP)
เซ็นทรัลล็อค (อัตโนมัติตามความเร็วรถ/ระบบปลดล๊อคอัตโนมัติเมื่อเกิดการชน)
กุญแจรีโมท (กุญแจ Smart Key / Keyless Entry)
ไฟเบรกดวงที่ 3
ระบบกระจายแรงเบรก EBD
อุปกรณ์เสริมความปลอดภัยอื่นๆ (ระบบตรวจจับความผิดปกติของลมยาง)
เข็มขัดนิรภัย (ด้านหน้าล๊อก 3 จุด)
ระบบช่วยการออกตัวขณะจอดบนทางลาดชัน (HHC)
กล้อง (มองหลัง)
เสียงเตือนคาดเข็มขัดนิรภัย (ด้านคนขับ)

13
ข้อมูลโรคกล่องเสียงอักเสบ (Laryngitis)

กล่องเสียง (larynx) เป็นส่วนที่อยู่ถัดลงไปจากคอหอย (pharynx) และอยู่ตรงส่วนบนของท่อลม (trachea)

การอักเสบของกล่องเสียงเป็นภาวะที่พบได้บ่อยในคนทุกวัย ส่วนมากจะไม่มีอาการรุนแรงและหายได้เองภายใน 1 สัปดาห์


สาเหตุ

การอักเสบของกล่องเสียงมักเกิดจากการติดเชื้อไวรัส โดยมากจะเกิดร่วมกับไข้หวัด เจ็บคอ หรือหลอดลมอักเสบ ส่วนน้อยที่เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย

บางครั้งอาจเกิดจากการระคายเคือง เช่น การสูบบุหรี่ ดื่มแอลกอฮอล์ หรือการใช้เสียงมาก (เช่น ร้องเพลง สอนหนังสือ เป็นต้น) หรือเกิดจากการระคายเคืองจากน้ำย่อยในผู้ที่เป็นโรคกรดไหลย้อน

อาการ

ที่สำคัญ คือเสียงแหบแห้ง บางรายอาจเป็นมากจนไม่มีเสียง อาจรู้สึกเจ็บคอเวลาพูด

บางรายอาจมีอาการไข้ เป็นหวัด เจ็บคอ หรือไอร่วมด้วย

โดยทั่วไป มักเป็นอยู่ไม่เกิน 7 วัน ถ้าเกิดจากการระคายเคืองมักมีอาการเสียงแหบเรื้อรัง


ภาวะแทรกซ้อน

ส่วนมากมักหายได้เอง ส่วนน้อยอาจมีภาวะแทรกซ้อนจากโรคติดเชื้อที่พบร่วม อาจทำให้เกิดหลอดลมอักเสบ หรือปอดอักเสบ


การวินิจฉัย

แพทย์จะวินิจฉัยจากอาการ ประวัติการเจ็บป่วย และการตรวจร่างกายเป็นหลัก

ในรายที่เกิดจากการติดเชื้อ อาจตรวจพบมีไข้ น้ำมูกไหล หรือคอแดงร่วมด้วย

บางรายอาจตรวจไม่พบสิ่งผิดปกติชัดเจน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในรายที่เกิดจากการระคายเคือง

ในรายที่มีอาการเรื้อรัง หรือสงสัยมีความผิดปกติของกล่องเสียงหรือโรคกรดไหลย้อน แพทย์อาจทำการตรวจพิเศษเพิ่มเติม เช่น ใช้กล้องส่องตรวจกล่องเสียง (laryngoscopy) ใช้กล้องส่องตรวจกระเพาะอาหาร (gastroscopy)


การรักษาโดยแพทย์

นอกจากแนะนำการปฏิบัติตัวสำหรับผู้ป่วย แพทย์จะให้การดูแลรักษา ดังนี้

1. ให้การรักษาตามอาการ เช่น ให้ยาลดไข้ ยาแก้ไอ

2. เฉพาะในรายที่สงสัยจะมีการติดเชื้อแบคทีเรีย เช่น มีเสมหะเหลืองหรือเขียว หรือคอแดงจัด ให้ยาปฏิชีวนะ (เช่น อะม็อกซีซิลลิน โคอะม็อกซิคลาฟ อีริโทรไมซิน หรือร็อกซิโทรไมซิน เป็นต้น)

3. ถ้ามีอาการหอบ แพทย์จะรับตัวไว้รักษาในโรงพยาบาล อาจมีสาเหตุจากคอตีบ หรือครู้ป

4. ถ้าเสียงแหบเป็นอยู่นานกว่า 3 สัปดาห์ แพทย์จะทำการตรวจพิเศษเพิ่มเติมเพื่อหาสาเหตุให้แน่ชัด และให้การรักษาตามสาเหตุที่พบ

ผลการรักษา ส่วนใหญ่มักหายได้ภายใน 1-2 สัปดาห์

ถ้าเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย การให้ยาปฏิชีวนะส่วนใหญ่ก็มักหายได้ภายใน 1-2 สัปดาห์ ส่วนน้อยที่อาจมีหลอดลมอักเสบ หรือปอดอักเสบแทรกซ้อน

การดูแลตนเอง

ในรายที่มีเสียงแหบ โดยที่สุขภาพทั่วไปดี กินอาหารและทำงานได้เป็นปกติ ควรดูแลตนเอง ดังนี้

    พักการใช้เสียง ควรหยุดพูดรวมทั้งการกระซิบ จนกว่าอาการจะดีขึ้น
    งดบุหรี่และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
    ดื่มน้ำอุ่นมาก ๆ วันละ 8-12 แก้ว (2-3 ลิตร)
    สูดดมไอน้ำอุ่นบ่อย ๆ
    ถ้ามีไข้ กินยาลดไข้-พาราเซตามอล*

ควรปรึกษาแพทย์ ถ้ามีลักษณะข้อใดข้อหนึ่ง ดังต่อไปนี้

    มีไข้เกิน 4 วัน ไข้สูงตลอดเวลา หรือมีอาการหนาวสั่นร่วมด้วย
    มีน้ำมูกหรือเสมหะข้นเหลืองหรือเขียวทุกครั้งนานเกิน 24 ชั่วโมง
    มีอาการเจ็บคอมาก หรือหายใจลำบาก
    คลำได้ก้อนที่ข้างคอ
    มีอาการเสียงแหบนานเกิน 3 สัปดาห์
    ดูแลตนเอง 1 สัปดาห์แล้วอาการไม่ดีขึ้น
    มีประวัติสัมผัสผู้ป่วยโควิด-19 หรือทำการตรวจหาเชื้อด้วยชุดตรวจแอนติเจน (ATK) ด้วยตนเองให้ผลเป็นบวก
    มีประวัติการแพ้ยา หรือหลังกินยา มีลมพิษ ผื่นคัน ตุ่มพุพอง ตาบวม ปากบวม คลื่นไส้ อาเจียน ท้องเดิน หรือมีอาการผิดปกติอื่น ๆ
    มีความวิตกกังวล หรือไม่มั่นใจที่จะดูแลตนเอง

*เพื่อความปลอดภัย ควรขอคำแนะนำวิธีและขนาดยาที่ใช้ ผลข้างเคียงของยา และข้อควรระวังในการใช้ยา จากแพทย์หรือเภสัชกรก่อนใช้ยาเสมอ โดยเฉพาะการใช้ยาในเด็ก สตรีที่ตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร ผู้สูงอายุ และผู้มีโรคประจำตัวหรือมีการใช้ยาบางชนิดที่แพทย์สั่งใช้อยู่เป็นประจำ

การป้องกัน

ควรหาทางป้องกันตามสาเหตุที่ทำให้เสียงแหบ อาทิ

    พักการใช้เสียง ในรายที่เกิดจากการใช้เสียงมาก
    งดบุหรี่/เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ถ้าเป็นสาเหตุของอาการเสียงแหบ
    ในรายที่เกิดจากไข้หวัด ก็หาทางป้องกันไม่ให้เป็นหวัด
    ในรายที่เกิดจากโรคกรดไหลย้อน ควรดูแลรักษาโรคนี้ไม่ให้กำเริบบ่อย (ดู “โรคกรดไหลย้อน”)

ข้อแนะนำ

1. ถ้าอยู่ในพื้นที่ที่มีการระบาดของโรคโควิด-19 หรือมีประวัติสัมผัสผู้ป่วยโรคนี้ หากมีอาการที่สงสัยว่าจะเป็นโรคนี้ (เช่น ไข้ เจ็บคอ เสียงแหบ น้ำมูกไหล ไอ ท้องเดิน หายใจเหนื่อยหอบ) หรือทำการตรวจหาเชื้อด้วยชุดตรวจแอนติเจน (ATK) ด้วยตนเองให้ผลเป็นบวก ควรปรึกษาแพทย์โดยเร็ว

2. อาการเสียงแหบมักพบในผู้ที่เป็นหวัด เจ็บคอ หรือไอ ผู้ที่สูบบุหรี่หรือดื่มแอลกอฮอล์จัด และผู้ที่ใช้เสียงมาก (เช่น ครู นักเทศน์ นักร้อง เป็นต้น) โดยมากจะเป็นอยู่เพียงไม่กี่วัน เมื่อได้รับการดูรักษาแล้ว เสียงควรจะดีขึ้นภายใน 1-2 สัปดาห์

แต่ถ้าพบว่ามีอาการเสียงแหบติดต่อกันนานกว่า 3 สัปดาห์ ก็ไม่ควรนิ่งนอนใจ อาจมีสาเหตุอื่น ๆ เช่น

    ปุ่มเนื้อของสายเสียง (vocal cord nodules) เป็นปุ่มเนื้องอกเล็ก ๆ ที่เติบโตจากเซลล์เยื่อบุผิว (epithelium) ของสายเสียง มีสาเหตุมาจากการใช้เสียงมากเกิน เช่น ครู นักเทศน์ นักร้อง เป็นต้น การพักใช้เสียงเป็นเวลาหลายสัปดาห์อาจทำให้ปุ่มยุบหายไปได้เอง ถ้าไม่ได้ผลอาจต้องตัดออก ผู้ที่เป็นโรคนี้แพทย์จะฝึกการใช้เสียง (voice therapy) ให้ถูกต้องเพื่อไม่ให้เป็นซ้ำอีก
    ติ่งเนื้อเมือกของสายเสียง (vocal cord polyps) เป็นเนื้องอกของเซลล์เยื่อเมือก (mucous membranes) ของสายเสียง เกิดจากภาวะภูมิแพ้ หรือการระคายเคืองเรื้อรัง (เช่น สูบบุหรี่) มักต้องรักษาด้วยการผ่าตัดติ่งเนื้อออกไป
    หูดกล่องเสียง (laryngeal papillomatosis) เกิดจากการติดเชื้อไวรัสที่มีชื่อว่า human papillomavirus (HPV) ทำให้เกิดเนื้องอก (หูด) ตรงสายเสียงและกล่องเสียง ทำให้มีเสียงแหบเรื้อรัง ถ้าก้อนโตอาจอุดกั้นทางเดินหายใจ ทำให้หายใจลำบาก มักพบในเด็กอายุต่ำกว่า 3 ปี และจะหายได้เองเมื่อเข้าวัยหนุ่มสาว มักจะต้องรักษาด้วยการตัดออก
    โรคกรดไหลย้อน ทำให้มีอาการเจ็บคอเสียงแหบ หรือไอเรื้อรัง มักเป็นมากหลังตื่นนอน (ดู “โรคกรดไหลย้อน”)
    แผลสายเสียง (contact ulcer of vocal cord) พบในผู้ที่ใช้เสียงมากเกิน สูบบุหรี่ ไอเรื้อรัง หรือผู้ที่เป็นโรคกรดไหลย้อน ทำให้มีอาการเสียงแหบ เจ็บเวลาพูดหรือกลืน ให้การรักษาตามสาเหตุ เช่น ถ้าเกิดจากการใช้เสียง ต้องพักการใช้เสียงนาน 6 สัปดาห์ และฝึกการใช้เสียงให้ถูกต้อง ถ้าเกิดจากโรคกรดไหลย้อนก็ต้องให้ยาลดการสร้างกรด เป็นต้น
    มะเร็งกล่องเสียง พบมากในผู้ชายสูงอายุที่มีประวัติสูบบุหรี่จัดมานาน
    สายเสียงเป็นอัมพาต (vocal cord paralysis) อาจเกิดจากโรคทางสมอง (เช่น เนื้องอกสมอง อัมพาต) หรือภาวะแทรกซ้อนจากการผ่าตัดต่อมไทรอยด์ โดยตัดถูกเส้นประสาท (laryngeal nerve) ที่ควบคุมการทำงานของสายเสียง ซึ่งมักจะทำให้เกิดอาการเสียงแหบอย่างถาวร
    วัณโรคกล่องเสียง (tuberculous laryngitis) ทำให้มีอาการเสียงแหบเรื้อรัง อาจมีอาการของวัณโรค (เช่น ไข้เรื้อรัง ไอเรื้อรัง น้ำหนักลด) ร่วมด้วยหรือไม่ก็ได้

14
จัดฟันบางนา: หลายคนสงสัย ! การจัดฟันแบบใส เจ็บหรือไม่ ?

การจัดฟัน ถือเป็นที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในปัจจุบัน ซึ่งการจัดฟันแบบทั่วไปที่มีเหล็กจัดฟันนั้น หลายคนคงเคยกับประสบปัญหา การระคายเคืองในช่องปาก เนื่องจาก โดนเหล็กจัดฟันเกี่ยวจนอาจจะเกิดแผลภายในช่องปากได้ แต่ต้องเข้ารับการตรวจช่องปากในทุกๆเดือน และในบางครั้งอาจจะมีการดึงฟัน ทำให้รู้สึกเจ็บปวด

หากเทียบกับการจัดฟันแบบใสแล้ว จะมีความเจ็บปวดที่น้อยกว่า เพราะไม่ต้องทำการถอนฟันก่อนเข้ารับการจัดฟัน และเมื่อใส่เครื่องมือจัดฟันแล้ว จะไม่เกิดการระคายเคือง ไม่รู้เจ็บปวดขณะที่ใส่เครื่องมือด้วย นอกจากนี้เวลารับประทานอาหารก็ไม่ทำให้ปวดฟัน เนื่องจากสามารถถอดเครื่องมือจัดฟันออกได้ ในเวลาที่รับประทานอาหารและแปรงฟัน

ซึ่งหากต้องการเข้ารับการจัดฟันแบบใส ทางคลีนิค เรามีทีมทันตแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญในการทำการรักษา และมีประสบการณ์การทันตกรรมมาหลายปี จึงสามารถให้คำปรึกษาและคำแนะนำผู้ที่จะเข้าทำการรักษาได้ รวมถึงทางคลีนิคมีเครื่องมือที่ทันสมัย จึงมีความมั่นใจได้ว่า การเข้ารับการจัดฟันแบบใสที่คลีนิค ผู้เข้ารับการรักษาจะได้รับการบริการที่เป็นที่น่าประทับใจอย่างแน่นอน

15
คอนโดติดรถไฟฟ้า ไฮ เอ็กซ์คลูซีฟ รัชดา 19 - วิภาวดี 16 (HI Exclusive Ratchada 19 - Vibhavadi 16)
N/A 

ไฮ เอ็กซ์คลูซีฟ รัชดา 19 - วิภาวดี 16 (HI Exclusive Ratchada 19 - Vibhavadi 16)
คอนโดออกแบบโครงการหรูหราทันสมัย ห้องกว้าง ส่วนกลางครบ สระว่ายนํ้าฟิตเนส และ Co-working space สามารถลัดออกถนนหลักได้ถึง 3 เส้น ทั้งถนนรัชดาภิเษก ถนนวิภาวดีรังสิต และ ถนนลาดพร้าว ใกล้กับ MRT รัชดาภิเษก ห่างจากโครงการประมาณ 800 ม.

 รายละเอียดโครงการ
 ชื่อโครงการ              ไฮ เอ็กซ์คลูซีฟ รัชดา 19 - วิภาวดี 16 (HI Exclusive Ratchada 19 - Vibhavadi 16)
 เจ้าของโครงการ         ยูทีลิตี้ เรียล เอสเตท
 แบรนด์ย่อย               ไฮ
 ราคา                       N/A

 ราคาเฉลี่ยต่อตร.ม.        โปรดสอบถามข้อมูลกับทางโครงการ
 ลักษณะทำเล              คอนโดใกล้ขนส่งสาธารณะ
 ความสูงคอนโด           โปรดสอบถามข้อมูลกับทางโครงการ
 ลักษณะกรรมสิทธิ์        โปรดสอบถามข้อมูลกับทางโครงการ
 ประเภทห้องที่มี           โปรดสอบถามข้อมูลกับทางโครงการ
 ขนาดห้องที่มี              โปรดสอบถามข้อมูลกับทางโครงการ
 เนื้อที่ทั้งหมด            1 ไร่ 1 งาน 86 ตร.ว.
 จำนวนตึก               โปรดสอบถามข้อมูลกับทางโครงการ
 จำนวนชั้น               โปรดสอบถามข้อมูลกับทางโครงการ
 จำนวนห้อง             โปรดสอบถามข้อมูลกับทางโครงการ
 ที่จอดรถทั้งหมด       โปรดสอบถามข้อมูลกับทางโครงการ
 ค่าบำรุงส่วนกลาง      โปรดสอบถามข้อมูลกับทางโครงการ
 สาธารณูปโภค           สระว่ายน้ำ, ฟิตเนส, รปภ., กล้องวงจรปิดโครงการ, ประตู Key Card, Co-Working Space

 สถานที่ใกล้เคียง
 โซน     รัชดา, ห้วยขวาง, พระราม 9, เพชรบุรี
 ที่ตั้ง     ซอย วิภาวดี 16/29 แขวงรัชดาภิเษก เขตดินแดง กรุงเทพมหานคร

 ขนส่งสาธารณะ
รถไฟฟ้า:                   ใกล้รถไฟฟ้า, รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน, สถานีบางซื่อ - หัวลำโพง(รัชดาภิเษก)
 สถานที่สำคัญใกล้เคียง  โปรดสอบถามข้อมูลกับทางโครงการ
 ปีที่สร้างเสร็จ             โปรดสอบถามข้อมูลกับทางโครงการ

16
งานมอเตอร์เอ็กซ์โปร์: เทสลา Tesla-Model 3 Performance AWD-ปี 2024
2,199,000 บาท

เทสลา Tesla-Model 3 Performance AWD-ปี 2024
Tesla Model 3 Performance AWD เป็นรถซีดานไฟฟ้า Model 3 ที่มีการปรับโฉม คุณสามารถใช้สมาร์ทโฟนเป็นกุญแจรถ และสามารถเข้าถึงระบบควบคุมของผู้ขับขี่ทั้งหมดบนหน้าจอแบบสัมผัสขนาด 15.4 นิ้วที่ติดตั้งตรงกลาง หลังคาที่เป็นกระจกทั้งหมดที่เริ่มจากด้านหน้าไปถึงด้านหลังซึ่งจะช่วยสร้างความรู้สึกที่โปร่งและโล่งสบายจากทุกที่นั่ง สามารถวิ่งได้ 528 กม. (ตามมาตรฐาน WLTP) และอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใน 3.1 วินาที ทำความเร็วสูงสุดได้ 261 กม./ชม.

รายละเอียดเบื้องต้น
   แบรนด์             Tesla
   รุ่น                  เทสลา Tesla-Model 3 Performance AWD-ปี 2024
   ประเภทรถ         รถเก๋ง 4 ประตู, Electric - EV
   ปีที่เปิดตัว          2024
   ราคา              2,199,000 บาท

ดีไซน์
   ภายนอก
ระบบกันสะเทือนแบบสปอร์ต
ไฟหน้า LED
ไฟท้าย LED
หลังคาพาโนรามิคซันรูฟ
ล้ออัลลอย (Warp ขนาด 20 นิ้ว)

   ภายใน
เบาะคนขับปรับสูง-ต่ำได้
ระบบนำทาง (Navigator)
ปลั๊กไฟ 12 โวลท์
พวงมาลัยหุ้มหนัง
พวงมาลัยปรับสูง-ต่ำได้
กระจกมองหลังตัดแสง (อัตโนมัติ)
ระบบปรับรูปแบบการขับขี่ (เพิ่มโหมดปรับแต่งเอง และ โหมด beta)

สเปค
   มอเตอร์ไฟฟ้า                   ขับเคลื่อนสี่ล้อมอเตอร์คู่ 528 กม.

   กำลังเครื่องยนต์ (แรงม้า)    แรงม้า
   ระบบเกียร์                      เกียร์อัตโนมัติ
   รูปแบบเกียร์
   ระบบเบรค ABS             มี
   ชนิดแบตเตอรี่              ไฟฟ้า
   ความจุแบตเตอรี่            N/A
   ระยะทางวิ่ง/การชาร์จ 1 ครั้ง      528 กิโลเมตร (WLTP)
   น้ำหนักตัวรถ                        1,861 กก.
   ประเภทยางรถยนต์                  -
   ขนาดล้อ (นิ้ว)                   ล้ออัลลอย (Warp ขนาด 20 นิ้ว)
   ระบบขับเคลื่อน                  ขับเคลื่อนสี่ล้อ (Dual Motor All-Wheel Drive)

ระบบความปลอดภัยระบบความปลอดภัย

อุปกรณ์ความปลอดภัย
ตัวถังนิรภัย
ดิสก์เบรก 4 ล้อ
เซ็นทรัลล็อค
ไฟเบรกดวงที่ 3
เข็มขัดนิรภัย
พวงมาลัยยุบตัวได้
กระจกนิรภัย (แบบลดเสียงรบกวน Acoustic Glass)
คานเหล็กเสริมนิรภัย
กล้อง (ด้านหลัง ด้านข้าง และด้านหน้าแบบ 360? มอบทัศนวิสัยสูงสุด)

17
ตรวจอาการเบื้องต้นด้วยตนเอง: ภาวะตัวเย็นเกิน (Hypothermia)

ภาวะตัวเย็นเกิน หมายถึง ภาวะที่ร่างกายมีอุณหภูมิลดต่ำเกิน อันเป็นผลมาจากการสัมผัสถูกความหนาวเย็น เช่น อยู่ในอากาศหนาว หรือแช่ในน้ำเย็นจัด ทำให้อุณหภูมิแกน (core temperature) ของร่างกายลดต่ำกว่า 35 องศาเซลเซียส เป็นเหตุให้อวัยวะต่าง ๆ (โดยเฉพาะหัวใจและสมอง) ได้รับผลกระทบและทำหน้าที่ไม่ได้ตามปกติ เกิดอาการเจ็บป่วยรุนแรง เป็นอันตรายถึงตายได้

มักพบในผู้ที่เผชิญกับความหนาวเย็นโดยขาดการป้องกันร่างกายให้อบอุ่นเพียงพอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเด็กเล็ก ผู้สูงอายุ และผู้ป่วยโรคเรื้อรัง


สาเหตุ

1. เกิดจากการสัมผัสกับความหนาวเย็น เช่น อากาศหนาว หรือแช่อยู่ในน้ำเย็นจัด มักพบในคนอายุไม่มากที่ร่างกายแข็งแรง เกิดขึ้นเนื่องจากอุบัติเหตุเป็นส่วนใหญ่

2. เกิดจากร่างกายสูญเสียกลไกปรับอุณหภูมิ ทำให้ไม่สามารถสร้างและเก็บความร้อนในร่างกายได้ มักพบในผู้สูงอายุ (มากกว่า 65 ปี) ผู้ที่มีโรคเรื้อรังอยู่ก่อน (เช่น โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมองหรืออัมพาต โรคสมองเสื่อมหรือปัญญาอ่อน พาร์กินสัน เบาหวานที่มีภาวะประสาทเสื่อม ภาวะขาดไทรอยด์ ภาวะขาดอาหาร เป็นต้น) ผู้ที่ดื่มแอลกอฮอล์จัด หรือกินยานอนหลับหรือยากล่อมประสาท บุคคลกลุ่มนี้เมื่อสัมผัสอากาศเย็นพอประมาณ (ไม่ถึงกับหนาวมาก) อุณหภูมิร่างกายก็จะลดลงถึงขั้นเป็นอันตรายได้


อาการ

ระยะแรก ผู้ป่วยจะมีอาการสั่น พูดอ้อแอ้ เดินเซ งุ่มง่าม อ่อนเพลีย ง่วงซึม หงุดหงิด สับสน ความสามารถในการคิดและตัดสินใจด้อยลง (ผู้ป่วยมักไม่รู้ตัวว่ากำลังได้รับอันตราย)

ต่อมาเมื่ออุณหภูมิร่างกายลดต่ำลงไปอีก ผู้ป่วยจะหยุดสั่น มีอาการเพ้อคลั่ง ไม่ค่อยรู้ตัว ในที่สุดหมดสติและหยุดหายใจ


ภาวะแทรกซ้อน

ภาวะตัวเย็นเกินส่งผลกระทบต่ออวัยวะแทบทุกส่วน ทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนที่สำคัญ ได้แก่ หัวใจเต้นผิดจังหวะ มักเสียชีวิตด้วยภาวะหัวใจหยุดเต้น (asystole) หรือหัวใจห้องล่างเต้นระรัว (ventricular fibrillation)

นอกจากนี้ยังอาจพบภาวะเลือดเป็นกรด (metabolic acidosis) โพแทสเซียมในเลือดสูง น้ำตาลในเลือดต่ำหรือสูง ปอดอักเสบ ไตวาย ภาวะเลือดข้น ภาวะการแข็งตัวของเลือดผิดปกติ ตับอ่อนอักเสบ ทางเดินอาหารเป็นแผลหรือเลือดออก หลอดลมหดเกร็ง


การวินิจฉัย

แพทย์จะวินิจฉัยจากอาการและสิ่งตรวจพบ ดังนี้

ระยะแรก (อุณหภูมิวัดทางทวารหนักมีค่า 32-35 องศาเซลเซียส) จะพบว่าผิวหนังเย็นและซีด มีอาการสั่น หายใจเร็ว ชีพจรเต้นเร็ว ความดันโลหิตสูง

แต่ถ้าอุณหภูมิร่างกายลดมาก (วัดทางทวารหนักมีค่าต่ำกว่า 32 องศาเซลเซียส) ผู้ป่วยจะไม่มีอาการสั่น หายใจช้า ชีพจรเต้นช้าหรือเต้นผิดจังหวะ ความดันโลหิตต่ำ ปากเขียว ตัวเขียว รูม่านตาโตทั้ง 2 ข้าง หรืออาจพบผู้ป่วยหมดสติ หยุดหายใจ คลำชีพจรไม่ได้


การรักษาโดยแพทย์

เมื่อวินิจฉัยว่าเป็นโรคนี้ จำเป็นต้องให้การรักษาอย่างเร่งด่วน และรับตัวไว้รักษาในโรงพยาบาลที่มีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ

แพทย์จะรีบหาวิธีทำให้ร่างกายอุ่นขึ้น เช่น ห่มผ้านวมหรือผ้าห่มหนา ๆ เช่น น้ำอุ่นหรือประคบด้วยน้ำอุ่น ห่มผ้าห่มไฟฟ้า (electric blanket) ให้สารน้ำที่อุ่นเข้าทางหลอดเลือดดำ ให้หายใจอากาศที่อุ่นเข้าร่างกาย การสวนน้ำอุ่นทางกระเพาะอาหาร ทวารหนัก กระเพาะปัสสาวะ ช่องท้อง โพรงเยื่อหุ้มปอด เป็นต้น

ถ้าผู้ป่วยหยุดหายใจหรือชีพจรไม่เต้น จะต้องรีบทำการกู้ชีพ (CPR) ใส่ท่อช่วยหายใจ ให้ออกซิเจน ให้สารน้ำทางหลอดเลือดดำ ปรับดุลอิเล็คโทรไลต์ในเลือด

แพทย์จะประเมินอาการและภาวะแทรกซ้อนโดยการตรวจพิเศษ เช่น ตรวจเลือด ปัสสาวะ เอกซเรย์ปอด ตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ เป็นต้น และทำการแก้ไขภาวะผิดปกติตามที่ตรวจพบ

ผลการรักษา ขึ้นกับความรุนแรงและระยะเวลาที่เป็นก่อนมาถึงโรงพยาบาล ถ้าได้รับการรักษาได้เร็ว ก็มีโอกาสรอดชีวิตมากกว่าร้อยละ 75

แต่ถ้าได้รับการรักษาช้าเกินไป หรือมีปัจจัยเสี่ยง (เช่น โรคเรื้อรัง) อยู่ก่อน ผลการรักษาก็มักไม่ดี


การดูแลตนเอง

หากสงสัยเป็นภาวะตัวเย็นเกิน เช่น มีอาการสั่น พูดอ้อแอ้ เดินเซ งุ่มง่าม อ่อนเพลีย ง่วงซึม หงุดหงิด สับสน ความสามารถในการคิดและตัดสินใจด้อยลง หลังจากมีการสัมผัสถูกความหนาวเย็น (เช่น อยู่ในอากาศหนาว หรือแช่ในน้ำเย็นจัด) ควรทำการปฐมพยาบาล แล้วรีบไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลทันที


การปฐมพยาบาล

เมื่อพบผู้ป่วยมีภาวะตัวเย็นเกิน ควรรีบนำส่งโรงพยาบาลด่วน ก่อนส่งควรให้การปฐมพยาบาลดังนี้

1. พาผู้ป่วยหลบอากาศและลมที่หนาวเย็น หรือขึ้นจากน้ำเย็น เข้าไปในห้องที่อบอุ่นและไม่มีลมเข้า

2. ถ้าเสื้อผ้าเปียกน้ำควรปลดออก และเปลี่ยนเป็นเสื้อผ้าที่แห้งแทน

3. อบอุ่นร่างกายด้วยการห่อหุ้มร่างกายผู้ป่วยด้วยผ้านวม ผ้าห่มหนา ๆ หรือเสื้อผ้าหนา ๆ ในกรณีที่ยังอยู่ในกลางแจ้ง ควรคลุมถึงหน้าและศีรษะ (เพื่อป้องกันการสูญเสียความร้อนจากบริเวณนี้) นอกจากนี้อาจนอนกอดหรือแนบชิดร่างกายผู้ป่วย เพื่อถ่ายเทความร้อนให้ผู้ป่วย

4. จับให้ผู้ป่วยนอนนิ่ง ๆ ในท่านอนหงายบนพื้นที่อบอุ่นหรือมีผ้าหนา ๆ ปูรอง หลีกเลี่ยงการเคลื่อนไหวร่างกายโดยไม่จำเป็น ห้ามนวดหรือแตะต้องตัวผู้ป่วยแรง ๆ อาจกระเทือนให้หัวใจหยุดเต้นได้

5. ถ้าผู้ป่วยยังรู้สึกตัว ให้ดื่มน้ำหรือเครื่องดื่มอุ่น ๆ ห้ามมีแอลกอฮอล์ผสม เพราะยิ่งจะทำให้ร่างกายสูญเสียความร้อน

6. ถ้าผู้ป่วยหยุดหายใจ ให้ทำการเป่าปาก ถ้ายังหายใจได้แม้จะแผ่ว ๆ ก็ยังไม่ต้องทำการกู้ชีพ อาจกระเทือนให้หัวใจหยุดเต้นได้


การป้องกัน

การป้องกันอันตรายจากความเย็น ควรปฏิบัติ ดังนี้

1. สวมใส่เสื้อผ้าให้อบอุ่นเพียงพอ ห่มผ้าห่มหรือผ้านวมหนา ๆ หรือผิงไฟให้อบอุ่น

2. หลีกเลี่ยงการออกไปสัมผัสอากาศหนาวหรือลมหนาวนอกบ้าน ถ้าเลี้ยงไม่ได้ควรสวมใส่เสื้อผ้าให้เพียงพอ รวมทั้งปกคลุมถึงหน้าและศีรษะ ใส่ถุงมือถุงเท้า

3. ไม่ดื่มแอลกอฮอล์

4. ในช่วงอากาศหนาวเย็น ควรดูแลกลุ่มเสี่ยง (เด็กเล็ก ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง) เป็นพิเศษ ไม่ให้ได้รับอันตราย


ข้อแนะนำ

1. แม้ว่าในบ้านเราอากาศจะไม่หนาวมาก แต่ในช่วงฤดูหนาวในแต่ละปีก็พบมีรายงานผู้เสียชีวิตจากอากาศหนาวในภาคเหนือและภาคอีสาน ดังนั้น เมื่อย่างเข้าสู่ฤดูหนาวจึงควรหาทางป้องกันไม่ให้รับอันตราย โดยเฉพาะในผู้สูงอายุ และผู้ที่มีภาวะการเจ็บป่วยเรื้อรัง

2. โรคนี้จัดว่าเป็นภาวะเจ็บป่วยฉุกเฉินร้ายแรง หากพบผู้ป่วยถูกความหนาวเย็น และมีอาการสงสัยว่าจะเป็นโรคนี้ ควรรีบให้การปฐมพยาบาลและนำส่งโรงพยาบาลทันที


18
เที่ยวพิษณุโลก 1 วัน ชมพระราชวังจันทน์ กินก๋วยเตี๋ยวห้อยขา เที่ยววัดไหว้พระวัดใหญ่-วัดนางพญา

นนี้ เรียกว่า One Day Trip คือ วันเดียวเที่ยวเพลิน ช่วงสายๆ ผมเดินทาง มาถึงเมืองพิษณุโลก วันนี้ตั้งใจจะมาเที่ยวชม พระราชวังจันทน์ ซึ่งเป็น สถานที่เสด็จพระราชสมภพของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช หรือเรียกว่า สถานที่เกิดของพระองค์ดำ สมัยที่พระองค์ทรงดำรงตำแหน่งอุปราช ก็เป็นสถานที่ประทับ พระราชวังนี้ตั้งอยู่ริมน้ำน่าน อยู่เยื้องๆกับ วัดใหญ่ หรือวัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร

          ตัวอาคารของพระราชวังจันทน์ ไม่มีแล้ว มีแต่ร่องรอยขอบฐานรั้วและฐานของอาคารวัง เพราะเหตุว่ามีการทรุด มีทับถมมานาน และมีการสร้างโรงเรียนชายหรือโรงเรียนพิษณุโลกพิทยาคม ในพื้นที่พระราชวังจันทน์ ปี พ.ศ. 2536 กรมศิลปากรประกาศขึ้นทะเบียนบริเวณวังจันทน์เป็นโบราณสถาน จากที่มีการขุดพบร่องรอยพระราชวังจันทน์ ทำให้ต้องย้ายโรงเรียนชาย ไปบริเวณบึงแก่งใหญ่ แล้วทำการบูรณะฟื้นฟู มีการจัดทำพิพิธภัณฑ์ เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ ให้บริการเข้าชมฟรี

          ห้องจัดแสดงทำได้ดี เป็นอาคารหลักในศูนย์ประวัติศาสตร์พระราชวังจันทน์ ในห้องจัดแสดงเป็นห้องปรับอากาศ แสดงเรื่องราวเกี่ยวกับสมเด็จพระนเรศวรมหาราชและพระราชวงศ์ น่าเรียนรู้ครับ ผมชมได้สักพักใหญ่ ก็ออกมานอกห้องจัดแสดง เดินไปทางด้านหลังขวามือของอาคาร จะเป็นศาลสมเด็จพระนเรศวรฯ ก็ไปทำสักการะพระองค์ท่าน เพื่อสิริมงคล ด้านข้างของศาล จะเห็นร่องรอยพระราชวังจันทน์ ผมหลับตาลง ทำใจสงบนิ่ง ลองรำลึก จินตนาการให้เห็นพระราชวัง ความยิ่งใหญ่ในอดีต ไม่ไหวขนลุก (แกกแรง) ไปทัศนาชมจุดอื่นดีกว่า

          ขับรถไปทางปีกซ้ายของอาคารแสดง เป็น วัดวิหารทอง อยู่ทางทิศใต้ของ พระราชวังจันทน์ จะเป็นเจดีย์ประธานที่มีรูปแบบเป็นพระปรางค์ ในสมัยอยุธยาตอนต้น ซึ่งปัจจุบันนั้น เหลือเพียงแค่ส่วนฐานเขียงและฐานบัวลูกฟัก สันนิษฐานว่าเคยเป็นที่ประดิษฐานพระอัฏฐารส ที่ปัจจุบันได้ประดิษฐานอยู่ภายในอุโบสถวัดสระเกศนั่นเอง ก็เลยได้มีการจำลองพระพุทธรูปขนาดเท่าองค์จริงมาประดิษฐานไว้ในวิหารดั่งเดิม

          ส่วนอาคารนี้ เรียกว่า อาคารพระสวัสดิราช อยู่ด้านหน้าศูนย์ประวัติศาสตร์พระราชวังจันทน์ เป็นเรือนไม้ทรงปั้นหยา ตั้งอยู่ในพระราชวังจันทน์ จังหวัดพิษณุโลก ตามประวัติกล่าวว่า สร้างในสมัยรัชกาลที่ 6 เมื่อปี พ.ศ. 2456 สำหรับเป็นอาคารที่ทำการป่าไม้ภาคพิษณุโลก สร้างอยู่คู่กับ เรือนขุนพิเรนทรเทพ ผมชอบเรือนแบบนี้มากเลย ชอบๆๆๆ ผมหมดเวลาที่พระราชวังจันทน์ไปเกือบเที่ยง ต้องไปหาของกินสักหน่อย

          อยู่เยื้องๆ กับศูนย์ประวัติศาสตร์พระราชวังจันทน์ คนละฝั่งแม่น้ำ ผมขับรถวนไปทางวัดใหญ่ ขับเลาะมาตามแม่น้ำน่านเลยวัดมาหน่อย ก็จะเจอสองสามร้าน เลือกตามชอบครับ เรื่องรสชาติก็พอได้ ไม่ได้เทพ แต่เป็นสีสันของอาหาร ภาพรวมเรียกว่าให้ B+ ได้ครับ       
วัดใหญ่ หรือวัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร

          วัดที่หลายๆท่าน มาแวะสักการะพระพุทธชินราช ซึ่งได้รับยกย่องว่าเป็นพระพุทธรูปงดงามที่สุดองค์หนึ่งในไทย ในวัดใหญ่ มีพระพุทธรูปสำคัญอีกหลายองค์ เช่น พระพุทธชินสีห์ พระศรีศาสดา

วัดนางพญา แหล่งกำเนิดพระเครื่องดังในตำนาน นามว่า สมเด็จนางพญา เป็นหนึ่งใน พระชุดเบญจภาคี
          วัดอยู่ติดกับวัดใหญ่ เดินออกข้างรั้ววัดใหญ่ได้เลย ผมมาวัดนี้อยู่บ่อยๆ พุทธศิลป์งดงามไม่น้อย วัดนางพญานี้ เรียกว่าแปลก สิ่งปลูกสร้างมีลักษณะสถาปัตยกรรมสมัยเดียวกับวัดราชบูรณะ ต่างกันที่วัดนางพญาไม่มีพระอุโบสถมีแต่วิหาร

          วัดนางพญา ถือว่ามีพระเครื่องดัง คือ สมเด็จนางพญา เป็นหนึ่งใน พระชุดเบญจภาคี ซึ่งพระนางพญานั้นเป็นที่เลื่องลือถึงความศักดิ์สิทธิ์และมีชื่อเสียงในด้านเมตตามหานิยม โดยเฉพาะสำหรับสุภาพสตรี ผู้ชายก็มีได้นะ

19
บริหารจัดการอาคาร: เลือกตำแหน่งติดตั้งแอร์บ้านอย่างไร ให้เย็นทั่วห้อง

หลายคนทราบกันดีว่า อาากาศในบ้านเรานั้น ร้อนอบอ้าวตลอดทั้งปี สำหรับบ้านใครที่มีเครื่องปรับอาหาศ ก็สามารถคลายร้อนได้บ้าง แต่หลายบ้านที่ไม่มีเครื่องปรับอากาศก็ต้องทนร้อนไปตลอดทั้งวัน สำหรับคนที่มีแอร์ หลายคก็อาจจะต้องเจอกับค่าไฟที่แพงในแต่ละเดือน ซึ่งต้องแลกกับความเย็นสบาย ยิ่งในหน้าร้อนอากาศก็ยิ่งร้อนจนทำให้แอร์ต้องทำงานหนักมากขึ้น

ซึ่งอาจจะมีสาเหตุมาจากความสกปรกของแอร์ หรือตำแหน่งวางแอร์ที่ไม่เหมาะสม อาจจะทำให้ความเย็นไม่สามารถกระจายไปได้ทั่วห้อง ดังนั้น การวางตำแหน่งแอร์ที่ดี ก็มีความสำคัญมากเช่นเดียว ยิ่งเราติดตั้งในตำแหน่งที่เหมาะสมและถูกต้อง นอกจากจะทำให้ห้องเย็นสบายแล้ว ยังช่วยประหยัดค่าไฟฟ้าจำนวนมหาศาลได้อีกด้วย เพียงแค่เราติดตั้งแอร์ในตำแหน่งที่ดี ซึ่งวันนี้เราจะมาพูดถึงการเลือกตั้งติดตั้งแอร์ที่จะช่วยให้ความเย็นกระจายทั่วทั้งห้อง เพราะการวางตำแหน่งแอร์สามารถทำให้แอร์กระจายได้ทั่วถึง ไม่ทำงานหนัก แถมยังทำให้เราไม่เสียสุขภาพอีกด้วย

สำหรับตำแหน่งในวางแอร์ในห้องนอนเราเราควรวางแอร์ให้ลมแอร์เป่าไปในแนวขวาง ขณะที่ร่างกายได้รับการพักผ่อนนอนหลับอยู่บนเตียง ร่างกายจะมีอุณหภูมิลดลงจึงต้องวางตำแหน่งแอร์ให้ลมเป่าไปในแนวขวางของเตียงนอน เพื่อไม่ให้ความเย็นปะทะเข้ากับร่างกายโดยตรง วิธีนี้จะทำให้เราไม่ป่วยง่ายและทำให้แอร์เป่าลมเย็นสบายไปทั่วห้องอีกต่างหาก และในการติดตั้งแอร์ เราจะต้องดูรูปทรงห้องหรือลักษณะของห้องว่าห้องเป็นรูปทรงแบบไหน รวมถึงมีขนาดห้องเล็ก กลาง หรือใหญ่ ซึ่งส่วนใหญ่คอนโดหรือบ้านมักจะออกแบบเป็น รูปทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า ดังนั้นการติดตั้งแอร์ควรเป็นแนวยาว เพื่อให้ความเย็นกระจายได้อย่างทั่วถึงทุกมุมห้องนั่นเอง และที่สำคัญมากที่สุดคือ ควรเลือกตำแหน่งที่ทำความสะอาดได้สะดวก เพราะแอร์ของเราควรได้รับการดูแลทำความสะอาดอย่างน้อยปีละ 2 ครั้ง

นอกจากจะช่วยทำให้แอร์มีความสะอาด ให้เราได้สูดดมอากาศที่บริสุทธิ์แล้ว ยังช่วยประหยัดค่าไฟ ดีต่อสุขภาพของคนในบ้านอีกด้วย ดังนั้น หลังจากวางแอร์ในตำแหน่งที่เหมาะสมแล้ว เราต้องคำนึงถึงการทำความสะอาด ซึ่งก็ไม่ควรให้ชิดเพดานหรือฝ้ามากเกินไป จะทำให้ถอดชิ้นส่วนออกมาล้างลำบาก และจะทำให้เพดานเกิดความชื้นได้ง่ายจนกลายเป็นเชื้อรา เป็นอันตรายต่อคนในบ้าน

นอกจากนี้ เฟอร์นิเจอร์ที่อยู่ข้างใต้แอร์ ต้องสามารถเคลื่อนย้ายได้ง่าย พอเวลาช่างมาล้างหรือเราทำความสะอาดเองจะได้ไม่เลอะเทอะสกปรก และอีกข้อหนึ่งที่เราควรจะใส่ใจคือ ตำแหน่งของแอร์ เราไม่ควรอยู่ตรงข้ามกับจุดนั่งหรือจุดนอน โดยตำแหน่งตรงกันข้าม หมายถึง ตำแหน่งที่ผู้อยู่อาศัยต้องใช้งานระยะยาว อาจเป็นการนั่งทำงานทั้งวัน นอนหลับพักผ่อนตลอดค่ำคืน เนื่องด้วยหากลมเย็นของแอร์กระทบกับร่างกายโดยตรงต่อเนื่องยาวนาน มักส่งผลให้ร่างกายเจ็บป่วย ผิวแห้ง ระคายเคืองตา เกิดอาการภูมิแพ้ได้ง่าย ตัวอย่างเช่น กรณีห้องนอนไม่ควรให้ตรงข้ามเตียงนอน

กรณีห้องทำงาน ไม่ควรตรงข้ามกับตำแหน่งโต๊ะทำงาน แต่หากเป็นตำแหน่งที่ใช้งานชั่วคราว เช่น โต๊ะอาหาร, มุมรับแขก หรือโซนอื่น ๆ ที่ใช้งานชั่วคราวจะไม่ส่งผลกระทบมากนัก อย่างไรก็ตาม การวางตำแหน่งของคอมเพรสเซอร์ ก็มีความสำคัญ เราควรวางคอมเพรสเซอร์ในบริเวณที่ระบายความร้อนได้ดี เป็นที่โปร่ง ไม่มีสิ่งกีดขวาง

วางตัวเครื่องให้ห่างจากกำแพงออกมาเล็กน้อย ควรวางไว้ที่ระเบียงข้างนอก หากไม่มีระเบียงให้แขวนกับผนังด้านข้าง หรือหาพื้นที่แขวนที่โล่ง ลมจะได้ไม่ตีลมร้อนกลับมา นอกจากนี้ ควรวางบริเวณที่สามารถระบายความร้อนได้ดีและส่งเสียงรบกวนได้โดยไม่รบกวนสิ่งรอบข้าง ยกระดับให้เหนือพื้นดินอย่างต่ำ 10 เซนติเมตร หรือพ้นจากระดับที่น้ำสามารถท่วมถึง และอยู่ในบริเวณที่ซ่อมบำรุงได้ง่าย และสิ่งที่ต้องระมัดระวังคือ หลีกเลี่ยงการติดตั้งแอร์บริเวณที่มีโอกาสติดไฟได้ เพราะน้ำยาแอร์บางชนิดสามารถติดไฟได้บ้างจึงควรเลี่ยงเอาไว้ก่อน จะเห็นได้ว่า เทคนิคของการใช้งานแอร์นั้น มีหลายปัจจัยที่จะต้องคำนึงถึง เพราะทุกอย่างล้วนมีความสัมพันธ์กัน ก็จะช่วยทำให้ประหยัดไฟ ยืดอายุการใช้งานได้ยาวนานขึ้น

ดังนั้น หากบ้านไหนอยากจะติดตั้งแอร์ หรือปรึกษาปัญหาเกี่ยวกับการจัดการอาคาร ไม่ว่าจะเป็น ระบบทำความเย็น การทำความสะอาด หรืองานช่างต่างๆ สามารถติดต่อทางเราได้ อยากให้ทุกคนได้อาศัยอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ดี ที่มีความสะอาด เพื่อช่วยให้เราได้มีสุขภาพที่ดี ห่างไกลจากเชื้อโรคและมีคุณภาพชีวิตที่ดี ทางเรามีบริการทำความสะอาดพื้นที่สาธารณะเพื่อให้ทุกคนได้อยู่ในสิ่งแวดล้อมที่สะอาดเพราะเราห่วงใยในความปลอดภัยของลูกค้า เพื่อให้สามารถทำงานได้อย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพในทุกสภาพแวดล้อม ทั้งนี้ เรายังได้มีการคัดสรรสิ่งที่จะนำมาใช้ในการทำความสะอาด เพื่อให้เหมาะสมกับสถานที่นั้นๆมากที่สุด เพื่อให้ทุกคนได้ปลอดภัย และลดความเสี่ยงของการสัมผัสเชื้อโรคด้วย

20
จัดฟันบางนา: ระยะเวลาการพักฟื้นหลังทำ รากฟันเทียม ของคนปกติ และ คนเป็นเบาหวาน !

การรักษาด้วยการผ่าตัดฝังรากฟันเทียม เพื่อทดแทนฟันธรรมชาติ ผลิตจากวัสดุไทเทเนียม ซึ่งใช้ทางการแพทย์โดยทั่วไปที่ได้รับการออกแบบมาเป็นพิเศษ เพื่อใช้ยึดติดกับกระดูกขากรรไกรของคนไข้ในตำแหน่งที่สูญเสียฟันและรากธรรมชาติไป ซึ่งถือว่าการฝังรากฟันเทียม เป็นการทำการทันตกรรมที่นิยมมากในปัจจุบัน ซึ่งแต่ก่อนมักจะใช้ฟันปลอมในการทดแทนฟันธรรมชาติ

เนื่องจากไม่ต้องผ่าตัด และไม่ต้องพักฟื้น ซึ่งถือว่าเป็นการรักษาที่ไม่ได้ซับซ้อนอะไรมาก เพราะเป็นการพิมพ์ช่องปาก และทำฟันปลอม และสามารถใช้งานได้ทันที รวมไปถึงมีราคาที่ไม่แพงเหมือนกับการฝังรากฟันเทียม ที่มีค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง และต้องใช้เวลาในการพักฟื้นนานพอสมควร

อย่างไรก็ตาม การใส่ฟันปลอม สามารถทำได้ทุกคน โดยไม่มีข้อจำกัดในการรักษา ไม่เหมือนกับการรักษาด้วยการผ่าตัดฝังรากฟันเทียม ที่มีข้อจำกัดในการรักษา ไม่ใช่ทุกคนที่จะสามารถทำการรักษาด้วยการฝังรากฟันเทียมได้ โดยเฉพาะผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับโรคประจำตัว เช่นเป็นโรคเบาหวานที่ไม่สามารถควบคุมได้

แต่ในบางกรณีที่ผู้ป่วยเป็นโรคเบาหวาน แต่แพทย์ผู้รักษาพิจารณาแล้วว่า ผู้ป่วยสามารถเข้ารับการผ่าตัดฝังรากฟันเทียมได้ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นผู้ป่วยที่สามารถควบคุมอาการป่วยได้ หรือไม่ได้มีอาการที่รุนแรง เพราะผู้ป่วยเบาหวานจะมีน้ำตาลในเลือดค่อนข้างสูง ซึ่งจะทำให้บาดแผลในช่องปากอาจจะหายช้าได้ ซึ่งต้องได้รับอนุญาตจากแพทย์ก่อนถึงจะเข้ารับการฝังรากฟันเทียมได้

สำหรับการพักฟื้นหลังการผ่าตัด ผู้เข้ารับการรักษาควรจะใส่ใจในเรื่องของความสะอาดในช่องปากมากเป็นพิเศษ สำหรับคนทั่วไปหรือผู้ป่วยที่เป็นเบาหวาน ก็ต้องดูแลและทำตามคำแนะนำของทันตแพทย์อยู่แล้ว

แต่สำหรับผู้ป่วยที่เป็นเบาหวานที่เข้ารับการฝังรากฟันทียม ต้องดูแลบาดแผลอย่างดี ทำตามคำแนะนำของทันตแพทย์ หลีกเลี่ยงการทำให้บาดแผลอักเสบ เพราะจะติดเชื้อได้ง่าย และจะทำให้แผลหายช้า ควรเลือกรับประทานอาหารอ่อนๆ เช่นข้าวต้ม หลีกเลี่ยงอาหารหรือเครื่องดื่มที่มีรสจัดหรือร้อนเกินไป แนะนำให้รับประทานอาหารอ่อนๆในช่วง 6 วันแรกเพื่อหลีกเลี่ยงการติดเชื้อ และการอักเสบบวมช้ำบริเวณที่ได้รับการผ่าตัด เพื่อให้การพักฟื้นเป็นไปตามระยะเวลาที่ควรจะเป็น

21
all new mitsubishi triton 2024: มิตซูบิชิ ไทรทัน ปรับมาเพิ่ม แต่ต้องเติมความเนียน

หนึ่งในรถธงของค่ายรถยนต์ตราเพชร มิตซูบิชิ ที่เลือกประเทศไทยเป็นสถานที่เปิดตัวครั้งแรกของโลกอย่าง 2015 มิตซูบิชิ ไทรทัน ที่มาพร้อมนวัตกรรมและเทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่อัดแน่นกันมามากมาย

ถือเป็นความพยายามอีกครั้งของมิตซูบิชิ ที่ต้องการให้มิตซูบิชิ ไทรทัน สามารถลืมตาอ้าปากขึ้นมาแข่งขันกับผู้ประกอบการรายอื่น ๆ ในประเทศไทยได้บ้าง และถือเป็นการเปิดตัวในช่วงเวลาที่เหมาะสม เมื่อยักษ์ใหญ่อีกรายตัดสินใจชะลอแผนเปิดตัวไปก่อน

แต่ก็ใช่ว่ามิตซูบิชิจะไม่ได้ชะลอแผนงานของตัวเอง เพราะตัวรถเองมีข่าวว่าพร้อมกันมาตั้งแต่กลางปี เพียงแต่ติดปัญหาบางประการที่ทำให้ไทรทันต้องใช้เวลาอีกเกือบครึ่งปีถึงจะได้ฤกษ์เปิดตัว

สำหรับรถรุ่นที่นำมาทดสอบกันเป็นครั้งแรกของออโต้สปินน์นั้น ถือว่าผิดแผนไปสักเล็กน้อย เพราะเราเข้าใจ (ไปเอง) ว่ามิตซูบิชิน่าจะเตรียมรุ่นท๊อปอย่างขับสี่สักคันไว้ให้ แต่พอไปรับรถก็กลายเป็นไทรทัน พลัส รุ่นท๊อปคันที่เห็น

อาจจะส่งผลเล็กน้อยในเรื่องของแผนการทดสอบและสถานที่ทดสอบที่อยากไป แต่ไม่เป็นไร เก็บไว้คราวหน้าก็ยังพอไหวสำหรับรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ มาลองดูกันก่อนว่าในรุ่นขับสองยกสูงตัวท๊อป ที่สนนราคาค่าตัวขึ้นไปถึง 9.25 แสนบาทนั้น น่าสนใจใจขนาดไหน

ถ้าให้สรุปในพารากราฟเดียวก็ต้องบอกว่ารถเองปรับมาอย่างมาก ทั้งเรื่องของขนาด การออกแบบภายนอก-ภายใน เครื่องยนต์ดีขึ้น ช่วงล่างด้านหน้าสบายดีใกล้เคียงรถเก๋งแล้ว แต่พอมองทุกอย่างรวมกันกลับรู้สึกขาด ๆ เกิน ๆ ไปมาก

ต้องไปปรับให้เนียนกว่านี้อีกนิด รับรองจะไปได้อย่างสวยงาม...

รูปลักษณ์ภายนอก บึกบึนแบบสำอางองค์

รูปลักษณ์ภายนอกของไทรทันนั้นกลายเป็นเรื่องที่ให้ติติงไต่ถามกันได้มาโดยตลอดทุกรุ่น รุ่นก่อนหน้านี้ก็โดนหาว่าดูอ่อนช้อยเกินกว่าจะเป็นปิกอัพ มารุ่นนี้ก็โดยติงติว่ากระจังหน้าหน้าตาประหลาด ซึ่งเรื่องความสวยงามนั้นไม่ขอวิจารณ์ก็แล้วกัน

ตัวรถมีขนาดที่ใหญ่ขึ้นและมีมิติความเหลี่ยมที่ชัดเจนขึ้นจากรุ่นเดิม เห็นได้ว่าทีมงานต้องการรถปิกอัพที่ดูแล้วแข็งแกร่ง บึกบึน ให้ความรู้สึกในด้านการใช้งานเรื่องการขนส่งได้ดีพอสมควร ด้วยขนาดของกระบะหลังที่ดูกว้างขวาง

โคมไฟหน้าพร้อมไฟเดย์ไลท์ดูหรูหราอลังการ ขณะที่โคมไฟท้ายดูทรงแปลกตา กระจังหน้าซึ่งเป็นตัวที่มีการวิพากษ์วิจารณ์กันมากที่สุดไม่ใช่ปัญหาในความรู้สึกของผม เรียกว่าโดยรวมของตัวถังภายนอกให้บรรยากาศความเป็นปิกอัพมากกว่ารุ่นเดิมอย่างเห็นได้ชัด

พอมาเป็นรุ่นไทรทัน พลัส ที่แม้จะเป็นขับเคลื่อน 2 ล้อ แต่ก็ยกสูงมาอย่างโดดเด่นเป็นสง่าไม่แพ้รุ่นขับสี่ การขึ้นลงรถทำได้โดยสะดวกด้วยกาบบันไดข้างและมือจับโหนตัว แต่ถ้าอายุมาก ๆ หรือมีปัญหาเกี่ยวกับเข่าก็อาจจะยุ่งยากเสียหน่อย

ในรายละเอียดปลีกย่อยที่ติดตั้งเข้ามา ไม่ว่าจะเป็นระบบสมาร์ท เอนทรี ที่มาพร้อมปุ่มเปิด-ปิดประตูพร้อมกุญแจอัจฉริยะ กระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยวแบบพับอัตโนมัติขณะล็อกรถ ทำให้รถคันนี้ดูหรูหราขึ้นมาเกินกว่าที่จะนำไปขนของจริง ๆ ในชีวิตประจำวัน

เครื่องยนต์ใหม่ ตอบสนองดี แต่แอบไม่เนียน

ไทรทันใหม่นั้นมาพร้อมเครื่องยนต์รุ่นใหม่เอี่ยมที่ได้รับการพัฒนาสำหรับกระบะคันนี้เป็นรุ่นแรก โดยมาพร้อมเทคโนโลยีเสื้อสูบแบบอลูมินัม อัลลอย ครั้งแรกในโลก เพื่อเพิ่มความแข็งแรงทนทานให้กับเครื่องยนต์รุ่นใหม่

นอกจากนี้ ยังมีนำเทคโนโลยีไมเวคมาใช้ในรถปิกอัพเป็นครั้งแรก เพื่อหวังประสิทธิภาพในเรื่องของการขับขี่และการประหยัดน้ำมันที่เยี่ยมยอด ซึ่งถือเป็นความพยายามที่น่าชื่นชมไม่น้อย

เครื่องยนต์ดีเซล เทอร์โบ ขนาด 2.4 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 181 แรงม้าที่ 3,500 รอบต่อนาที พร้อมด้วยแรงบิดสูงสุด 430 นิวตันเมตรที่ 2,500 รอบต่อนาที ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติแบบ 5 จังหวะ

ในด้านการตอบสนองของเครื่องยนต์และระบบส่งกำลังถือว่าทำงานกันสอดประสานอย่างลงตัว การเรียกกำลังทำได้อย่างง่ายดายทั้งจากจังหวะออกตัวและจังหวะการเร่งแซงที่ความเร็วต่ำถึงปานกลาง

อย่างไรก็ตาม การขับขี่ที่ความเร็วปานกลางขึ้นไปและเปลี่ยนความเร็วกระทันหันไม่ว่าจะเร็วขึ้นหรือช้าลง ดูเหมือนเครื่องยนต์จะต้องใช้เวลาในการปรับอยู่ชั่วเสี้ยววินาที ทำให้การขับขี่ยังไม่ไหลลื่นสักเท่าไหร่ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะเกียร์ที่มีให้แค่ 5 เกียร์นั่นล่ะครับ

ในขณะที่คู่แข่งหลาย ๆ รายให้ความสำคัญกับเรื่องนี้อย่างมาก แต่มิตซูบิชิก็เดินหน้าพัฒนาแต่เรื่องของเครื่องยนต์เป็นหลักสำหรับโมเดลใหม่ จนทำให้ความสนุกสนานในการขับขี่ถูกลดทอนลงไปเล็กน้อย

ภายในใกล้เคียงเก๋ง แต่อุปกรณ์มาแบบแปลก ๆ

ในรุ่นท๊อปของไทรทันที่นำมาทดสอบนั้น เป็นรุ่นที่มาพร้อมอุปกรณ์เยอะที่สุดเท่าที่ติดตั้งมาเทียบเท่ากับรุ่นท๊อปของรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ ซึ่งแน่นอนว่ากลุ่มเป้าหมายคงไม่ใช่ปิกอัพขนของทั่ว ๆ ไปนำไปใช้กันอย่างแน่นอน

พวงมาลัยมัลติฟังชั่นที่นำการควบคุมเครื่องเสียงและระบบคุมความเร็วอัตโนมัติมาติดตั้งเรียบร้อย แผงคอนโซลและการตกแต่งภายในเน้นสีดำด้านสลับกับสีดำมัน ที่ให้บรรยากาศห้องโดยสารที่สปอร์ตมากขึ้น

แผงคอนโซลหน้าโดดเด่นด้วยเครื่องเสียงแบบจอสัมผัสที่มาพร้อมพรั่ง ทั้งระบบบลูทูธและระบบนำทางที่ติดตั้งกันมา และรองรับภาษาไทยแล้วเกือบทั้งหมด แถมการใช้งานก็ง่ายดายขึ้นอย่างมากเมื่อเทียบกับในรุ่นก่อนหน้านี้หรือเมื่อเทียบกับคู่แข่ง

ตำแหน่งการเข้าออกห้องโดยสารดีขึ้นกว่ารุ่นเก่า โดยเฉพาะที่ห้องโดยสารตอนหลังที่บานประตูใหญ่และเปิดได้กว้างขึ้น แต่อย่างที่บอกว่าตำแหน่งการนั่งที่ดีต่อการขับขี่ อาจจะไม่เหมาะกับผู้โดยสารที่จะเดินขึ้น-ลงสักเท่าไร

เบาะที่นั่งรองรับน้ำหนักของผู้โดยสารที่ตัวใหญ่ ๆ ดี แต่ถ้าเป็นผู้ขับขี่ร่างเล็ก อาจจะรู้สึกว่าเบาะมันดูอ้า ๆ ไม่ค่อยรับกับตัวสักเท่าไรนัก การปรับตำแหน่งเบาะในรถทั้งหมดนั้น ถ้าเป็นบ้านก็ต้องบอกว่าเป็นบ้านที่ไฟฟ้ายังเข้าไม่ถึง เพราะยังปรับด้วยระบบออโตมือติกทั้งหมด

ที่น่าแปลกประหลาดในที่สุดสำหรับผมก็คือไทรทัน ใหม่ไม่มีช่องเสียบบุหรี่ที่ด้านหน้าของแผงคอนโซล ซึ่งกลายเป็นช่องสำหรับซัพพลายพลังงานให้อุปกรณ์พกพาในชีวิตประจำวันไปแล้ว มีอยู่จุดเดียวที่หาเจอก็คือในเก๊ะใส่ของข้างตัวไปเลย

ครึ่งหน้าฟีลลิ่งเก๋ง ครึ่งหลังขอเนียนกว่านี้

ความพยายามในการพัฒนารถปิกอัพสำหรับตลาดบนในยุคหลัง ๆ นั้น ก็คือการพัฒนาความรู้สึกของการขับขี่ให้ใกล้เคียงรถยนต์นั่ง เพื่อให้ผู้ที่ซื้อไปใช้งานมีความสะดวกสบาย แต่เอารถไปใช้งานเอนกประสงค์ได้มากกว่ารถยนต์นั่ง

ไทรทันเองก็มาทรงเดียวกันแบบไม่แตกต่าง เพียงแต่ว่า การพัฒนาหลัก ๆ ดันอยู่ที่ด้านหน้าของตัวรถแต่ทิ้งบรรยากาศแบบรถกระบะยกสูงไว้อย่างเต็มที่ที่ด้านหลัง ซึ่งทำให้ผู้ขับขี่และผู้โดยสารอาจจะสะดุ้งตกใจได้

ลองคิดสภาพว่าหากวิ่งไปมาอยู่บนท้องถนนแล้วเจอเนินเล็ก ๆ ที่คุณคิดว่าจะวิ่งผ่านไปโดยไม่ต้องแตะเบรก ช่วงล่างด้านหน้าจะค่อย ๆ วิ่งผ่านไปอย่างนุ่มนวลไม่แตกต่างจากที่คิดไว้ แต่ความนุ่มสบายจะหายไปทันทีเมื่อล้อหลังแตะถึงเนินดังกล่าว

ขณะที่ปัญหานั้นกลับไม่เกิดขึ้นเมื่อวิ่งอยู่บนทางตรงที่ความเร็วปานกลางถึงสูง รถกลับให้อาการมั่นคงและความรู้สึกในการควบคุมรถที่ดีมาก เมื่อผสานกับการทำงานของเครื่องยนต์แล้ว ถือเป็นรถปิกอัพที่ขับออนโรดดีที่สุดคันหนึ่ง

ในเรนจ์ระดับราคาจำหน่ายปิกอัพที่ไทรทัน พลัส อยู่นั้น ถือว่ามีคู่แข่งที่มากหน้าหลายตา โดยตัวของไทรทันเองก็ถือว่ามีดีมากพอที่จะยืนระยะเพื่อแข่งขันทางไกล และถือเป็นสินค้าอีกรุ่นที่มิตซูบิชิพัฒนามาปิดจุดอ่อนในรุ่นที่ผ่านมาได้อย่างลงตัว

หลาย ๆ คนอาจจะชอบที่ได้ปิกอัพบรรยากาศเก๋ง ที่ยังไม่ทิ้งช่วงล่างหลังแบบปิกอัพอยู่ก็ได้ แต่ส่วนตัวอยากได้เนียนกว่านี้อีกนิด ชนะเลย!!!



22
มอเตอร์โชว์ 2025: มารู้จัก อีซูซุ ดีแมคซ์ EV Concept กระบะพลังไฟฟ้าพร้อมขาย !

อีซูซุ D-Max EV Concept รถปิกอัพไฟฟ้าต้นแบบ พื้นฐานจากรุ่นปิกอัพ 4 ประตู ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อแบบ Full Time โดยใช้แพลตฟอร์มเดียวกันกับรถปิกอัพเครื่องยนต์ดีเซล ชุดมอเตอร์คู่และเฟืองท้าย eAxle พัฒนาขึ้นใหม่ ทำงานร่วมกันทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ผสานกับช่วงล่างด้านหลังใหม่หมดแบบ De-Dion มั่นใจบนทุกสภาพถนน เหมาะสมกับการใช้งานของรถปิกอัพ   สร้างดุลยภาพในการขับขี่ทั้งความนุ่มนวล และความสามารถในการบรรทุกอันยอดเยี่ยม จุดเด่นคือ ใช้มอเตอร์ไฟฟ้ากำลังสูง  2  ตัว แรงบิดรวมกัน 325 นิวตัน-เมตร มอเตอร์ไฟฟ้าคู่กำลังสูง การออกแบบโครงและตัวถังที่แข็งแกร่งช่วยเพิ่มความสามารถในการลากจูงได้

พร้อมเริ่มผลิตเพื่อส่งออกขายอย่างเป็นทางการจากฐานการผลิตประเทศไทยในปี 2568 โดยจะเปิดตัวในประเทศภาคพื้นทวีปยุโรปบางประเทศ เช่น นอร์เวย์ ในปี 2568 จากนั้นมีกำหนดการจะเปิดตัวในสหราชอาณาจักร ออสเตรเลีย ไทย ตลอดจนประเทศหรือภูมิภาคอื่นๆ เป็นลำดับถัดไป ขึ้นอยู่กับความต้องการของตลาดและความพร้อมของสาธารณูปโภคด้านสถานีชาร์จรถไฟฟ้า

ข้อมูลและรายละเอียด อีซูซุ ดีแมคซ์ EV Concept
เป็นปิกอัพ 4 ประตู ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อแบบ Full Time โดยใช้แพลตฟอร์มเดียวกับรถปิกอัพเครื่องยนต์ดีเซล
ชุดมอเตอร์ไฟฟ้าคู่และเฟืองท้าย  “eAxle”  พัฒนาขึ้นใหม่ ทำงานร่วมกันทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ผสานกับช่วงล่างด้านหลังใหม่หมดแบบ De-Dion มั่นใจบนทุกสภาพถนน เหมาะสมกับการใช้งานของรถปิกอัพ สร้างดุลยภาพในการขับขี่ทั้งความนุ่มนวลและความสามารถในการบรรทุกอันยอดเยี่ยม
มอเตอร์ไฟฟ้ากำลังสูง 2 ตัว แรงบิดรวมกัน 325 นิวตัน-เมตร
มอเตอร์ไฟฟ้าคู่กำลังสูงและการออกแบบโครงและตัวถังที่แข็งแกร่งช่วยเพิ่ม ความสามารถในการลากจูงได้
กำลังรวมสูงสุด: 130 กิโลวัตต์
ระบบขับเคลื่อน eAxle ด้านหน้า : กำลังสูงสุด 40 กิโลวัตต์, แรงบิดสูงสุด 108 นิวตัน-เมตร
ระบบขับเคลื่อน eAxle ด้านหลัง : กำลังสูงสุด 90 กิโลวัตต์, แรงบิดสูงสุด 217 นิวตัน-เมตร
แรงบิดรวมสูงสุด : 325 นิวตัน-เมตร
ความเร็วสูงสุด: มากกว่า 130 กิโลเมตร/ ชั่วโมง
ความสามารถในการลากจูง : 3.5 ตัน
ประเภทแบตเตอรี่: ลิเธียมไอออน
ความจุแบตเตอรี่สูงสุด : 66.9 กิโลวัตต์-ชั่วโมง
น้ำหนักบรรทุกสูงสุด :  1 ตัน

23
Doctor At Home: โรคแอดดิสัน (Addison’s disease)

โรคแอดดิสัน หมายถึง ภาวะพร่องฮอร์โมนสเตียรอยด์เรื้อรัง (chronic adrenocortical insufficiency)* เป็นภาวะที่พบได้น้อยมาก พบมากในคนอายุ 30-50 ปี เป็นโรคที่อาจมีภาวะแทรกซ้อนร้ายแรง

* ส่วนภาวะพร่องฮอร์โมนสเตียรอยด์เฉียบพลัน (acute adrenocortical insufficiency) มักเกิดจากการหยุดยาสเตียรอยด์ทันที ในผู้ป่วยที่กินยาสเตียรอยด์ติดต่อกันมานาน ซึ่งผู้ป่วยมักจะมีภาวะต่อมหมวกไตฝ่อ (หรือภาวะพร่องฮอร์โมนสเตียรอยด์) จากยาสเตียรอยด์ที่ใช้มานาน เมื่อหยุดยา ร่างกายก็เกิดภาวะพร่องฮอร์โมนสเตียรอยด์อย่างเฉียบพลัน อาจทำให้เกิดภาวะช็อกถึงตายได้ เรียกว่า ภาวะต่อมหมวกไตวิกฤติ (adrenal crisis) ดูเพิ่มเติมใน “ภาวะช็อก” และ “โรคคุชชิง”


สาเหตุ

เกิดจากต่อมหมวกไตสร้างฮอร์โมนสเตียรอยด์ได้น้อยกว่าปกติ ตรงกันข้ามกับโรคคุชชิงที่สร้างฮอร์โมนมากกว่าปกติ

สาเหตุส่วนใหญ่เกิดจากต่อมหมวกไตส่วนเปลือกถูกทำลายหรือฝ่อ เนื่องมาจากปฏิกิริยาภูมิต้านทานตนเอง อาจพบร่วมกับต่อมไทรอยด์อักเสบ ภาวะขาดพาราไทรอยด์ เบาหวาน ผมร่วงเป็นหย่อมไม่ทราบสาเหตุ เป็นต้น

ส่วนน้อยอาจเกิดจากเป็นวัณโรคของต่อมหมวกไต หรือมะเร็งที่แพร่กระจายมาจากที่อื่น (เช่น ปอด เต้านม) โรคติดเชื้อราของต่อมหมวกไต (ในผู้ป่วยเอดส์) หรืออาจเกิดจากยา (เช่น คีโตโคนาโซล ไรแฟมพิซิน) เป็นต้น


อาการ

มักจะค่อย ๆ เกิดขึ้นช้า ๆ ด้วยอาการเบื่ออาหาร น้ำหนักลด (ผอมลง) อ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย

อาจมีอาการท้องเดินบ่อย ท้องอืดเฟ้อ ปวดท้อง คลื่นไส้ อาเจียน ในผู้หญิงอาจมีอาการขาดประจำเดือน

บางรายผิวหนังอาจมีรอยด่างขาวร่วมด้วย

ผู้ป่วยมักมีความดันต่ำ ทำให้มีอาการหน้ามืด วิงเวียนเวลาลุกขึ้นเร็ว ๆ

ผู้ป่วยอาจมีอารมณ์อ่อนไหว ซึมเศร้า หรือมีอาการของโรคจิต


ภาวะแทรกซ้อน

ถ้าไม่ได้รับการรักษาอาจมีภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ ถ้าเป็นรุนแรงอาจเกิดภาวะต่อมหมวกไตวายเฉียบพลัน (acute adrenal failure) หรือภาวะต่อมหมวกไตวิกฤติ ซึ่งอาจพบขณะเป็นโรคติดเชื้อ ได้รับบาดเจ็บ ขณะผ่าตัด ตั้งครรภ์ใกล้คลอด มีภาวะเครียดทางร่างกาย หรือขาดยาสเตียรอยด์ทันทีทันใด ทำให้มีไข้สูง ซึม ปวดท้อง คลื่นไส้ อาเจียน ความดันต่ำ ช็อก ซึ่งอาจเป็นอันตรายถึงตายได้


การวินิจฉัย

แพทย์จะวินิจฉัยจากอาการและสิ่งที่ตรวจพบ ดังนี้

ผิวหนังจะมีสีดำคล้ำในบริเวณที่มีรอยถูไถ เช่น ข้อเข่า ข้อพับ ข้อศอก ที่หน้า หัวนม ลายมือ รอยแผล ผ่าตัด เป็นต้น และบริเวณเยื่อเมือกในช่องปาก (เหงือก ริมฝีปาก กระพุ้งแก้ม ลิ้น) อาจมีรอยตกกระดำ ๆ อาจพบภาวะซีด ความดันต่ำ ขนรักแร้และขนในบริเวณอวัยวะสืบพันธุ์ร่วง ซึ่งจะเห็นชัดในผู้หญิง

แพทย์จะทำการวินิฉัยให้แน่ชัดโดยการตรวจเลือด (พบระดับคอร์ติซอลซึ่งเป็นฮอร์โมนสตีรอยต์ต่ำ ระดับโซเดียมในเลือดต่ำ ระดับโพแทสเซียมในเลือดสูง ระดับน้ำตาลในเลือดต่ำ) เอกซเรย์ปอด (เพื่อตรวจดูการติดเชื้อวัณโรคหรือเชื้อรา หรือมะเร็ง ซึ่งอาจเป็นสาเหตุของโรคนี้) ถ่ายภาพด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (MRI) หรือเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ (เพื่อดูลักษณะผิดปกติของต่อมหมวกไต) และถ้าจำเป็นอาจต้องตรวจพิเศษ อื่น ๆ


การรักษาโดยแพทย์

แพทย์จะให้กินสเตียรอยด์ทดแทน เช่น ไฮโดรคอร์ติโซน (hydrocortisone) หรือเพร็ดนิโซโลน

ในรายที่มีภาวะโซเดียมในเลือดต่ำร่วมด้วย ให้กินยาเพิ่มอีกชนิดหนึ่ง ได้แก่ ฟลูโดรคอร์ติโซน (fludrocortisone)

แพทย์จะนัดผู้ป่วยเพื่อติดตามผลการรักษาโดยการตรวจเลือดเป็นระยะ และปรับขนาดยาตามความเหมาะสม ในช่วงที่ผู้ป่วยมีการติดเชื้อ ได้รับบาดเจ็บหรือการผ่าตัด อาจจำเป็นต้องเพิ่มขนาดยาให้สูงขึ้นตามความต้องการของร่างกาย

นอกจากนี้ ถ้าพบว่ามีสาเหตุของการเกิดโรคนี้ชัดเจน เช่น การติดเชื้อวัณโรคหรือเชื้อรา ก็จำเป็นต้องให้ยารักษาโรคเหล่านี้ควบคู่กันไป


การดูแลตนเอง

หากสงสัย เช่น มีอาการเบื่ออาหาร น้ำหนักลด อ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย หน้ามืด วิงเวียนเวลาลุกขึ้นเร็ว ๆ มีสีดำคล้ำที่ผิวหนังในบริเวณที่มีรอยถูไถและบริเวณเยื่อเมือกในช่องปาก ควรปรึกษาแพทย์

เมื่อตรวจพบว่าเป็นโรคแอดดิสัน ควรดูแลตนเอง ดังนี้

    รักษา กินยา และปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์
    ติดตามรักษากับแพทย์ตามนัด
    ควรกินอาหารให้เค็มจัด เพราะต้องการเกลือโซเดียมมากขึ้น และควรกินอาหารพวกโปรตีนและคาร์โบไฮเดรต (แป้งและน้ำตาล) ให้มาก ๆ ควรกินบ่อยมื้อกว่าปกติ
    ควรพกสมุดหรือบัตรติดตัวเป็นประจำ เขียนบอกถึงโรคที่เป็น และยาที่ใช้รักษา หากเกิดภาวะต่อมหมวกไตวายเฉียบพลันในเวลาใดเวลาหนึ่ง ผู้พบเห็นและแพทย์จะได้ให้ความช่วยเหลือได้ถูกต้อง โดยให้น้ำเกลือและฉีดไฮโดรคอร์ติโซน เข้าทางหลอดเลือดดำทันที


ควรกลับไปพบแพทย์ก่อนนัด ถ้ามีลักษณะข้อใดข้อหนึ่ง ดังต่อไปนี้

    กินยาแล้วไม่ทุเลา หรือ มีอาการไม่สบาย เช่น มีไข้ ซึม ปวดท้อง คลื่นไส้อาเจียน ท้องเดิน เป็นต้น หรือตั้งครรภ์
    ขาดยาหรือยาหาย
    กินยาแล้วสงสัยเกิดผลข้างเคียงจากยา เช่น มีลมพิษ ผื่นคัน ตุ่มพุพอง ตาบวม ปากบวม ปวดท้อง ท้องเดิน คลื่นไส้ อาเจียน จุดแดงจ้ำเขียว หรือมีอาการผิดปกติอื่น ๆ

การป้องกัน

ยังไม่มีวิธีป้องกันที่ได้ผลเต็มที่ เนื่องจากโรคนี้เกิดจากสาเหตุหลายอย่าง

อาจป้องกันได้สำหรับส่วนที่เกิดจากสาเหตุที่ป้องกันได้ เช่น การรักษาโรคติดเชื้อ (เช่น วัณโรค เชื้อรา) ของต่อมหมวกไต การรักษามะเร็งของอวัยวะส่วนอื่นไม่ให้แพร่กระจายมาที่ต่อมหมวกไต การระมัดระวังในการใช้ยา (เช่น คีโตโคนาโซล ไรแฟมพิซิน)


ข้อแนะนำ

1. โรคนี้มีทางรักษาให้มีชีวิตยืนยาวเช่นคนปกติ แต่ต้องกินยาทุกวัน อย่าได้ขาด

2. ถ้าผู้ป่วยเป็นโรคติดเชื้อ ตั้งครรภ์ หรือมีอาการไม่สบายอื่น ๆ อาจทำให้อาการกำเริบมากขึ้น ควรรีบไปพบแพทย์ อาจต้องเพิ่มขนาดของยาไฮโดรคอร์ติโซน เพื่อป้องกันการเกิดภาวะต่อมหมวกไตวายเฉียบพลัน

24
มือถือ Huawei หัวเหว่ย Huawei MateXT Ultimate (16GB/1TB)
111,360 บาท 

หัวเหว่ย Huawei MateXT Ultimate (16GB/1TB)
โทรศัพท์มือถือพับได้ 3 จอ

รายละเอียดเบื้องต้น
   ยี่ห้อ-รุ่น                  หัวเหว่ย Huawei MateXT Ultimate (16GB/1TB)
   ราคากลาง              111,360 บาท
   จำนวนซิม              (Nano Sim)
   แบบดีไซน์              จอสัมผัส
   สี                           Black, Red
   ความถี่-เครือข่าย
3G
4G
5G

   ขนาด-น้ำหนัก                        ยาว 156.7 x กว้าง 73.5 x หนา 12.8 มม., น้ำหนัก 298 กรัม
   ความจุข้อมูลภายใน (ROM)    1000 GB
   ความจุข้อมูลภายนอกสูงสุด       -
   แบตเตอรี่ และระบบชาร์จ        ความจุแบตเตอรี่ 5,600 mAh

จอแสดงผล
   ชนิดจอ               จอสัมผัส (LTPO OLED)
   ความละเอียด      10.2 นิ้ว, 2,232 x 3,184 px
   รายละเอียดอื่น

กล้องถ่ายรูป
   ขนาด-ความละเอียด                       กล้องหลัง (50 Mpx), กล้องหน้า (8 Mpx)
   ความละเอียดของภาพภ่ายสูงสุด
   คุณสมบัติ                                     -

ระบบปฏิบัติการ
   หน่วยประมวลผล (CPU)              Octa-core (1?2.3 GHz Taishan Big & 3?2.18 GHz Taishan Mid & 4?1.55 GHz Cortex-A510)
   หน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU)     Maleoon 910
   หน่วยความจำ (RAM)                  16.0 GB
   ระบบเชื่อมต่อภายนอก                   -
   ระบบรับส่งข้อความ                         -
   การเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ต              3G, WiFi, 4G, 5G

25
จัดฟันบางนา: อาการของผู้ที่ ไม่สามารถ จัดฟันแบบใส ได้ !

การจัดฟันแบบใส ถือเป็นการจัดฟันที่เป็นที่นิยมมาก เพราะการจัดฟันแบบใสมีจุดเด่นมากกว่าการจัดฟันในรูปแบบอื่นๆ การจัดฟันแบบใสมีข้อจำกัดในการรักษาหลายอย่าง ถึงแม้จะเป้นการจัดฟันที่เป็นที่นิยม และมีการนำนวัตกรรมสมัยใหม่เข้ามาใช้ แต่ในเรื่องของข้อจำกัดก็มี และไม่ใช่ทุกคนที่จะเข้ารับการจัดฟันแบบใสได้ ข้อจกกัดในการรักษาถือเป็นสิ่งสำคัญมากที่จะต้องระวังมากเป็นพิเศษ ผู้ที่จะเข้ารับการรักษาจะต้องบอกข้อมูลอย่างละเอียดแก่ทันตแพทย์ผู้ทำการรักษา เพื่อที่จะช่วยให้ผลการรักษาประสบความสำเร็จ ทันตแพทย์จะทำการวางแผนการรักษา ซึ่งแผนการรักษาในแต่ละคนย่อมแตกต่างกัน เพราะมีสภาพฟันและปัญหาที่ไม่เหมือนกัน

ดังนั้นก่อนเข้ารับการรักษาด้วยการผ่าตัดฝังรากฟันเทียม ทันตแพทย์จะทำการตรวจช่องปากอย่างละเอียด โดยจะดูปัจจัยหลักๆจองการฝังรากฟันเทียม เช่น ดูบริเวณฟันโดยรอบ กระดูกขากรรไกรที่ใช้รองรับรากฟันเทียม รวมถึงโรคที่เกี่ยวกับช่องปากที่ทันตแพทย์ต้องทำการตรวจ เพราะบางโรคทันตแพทย์อาจจะไม่แนะนำให้จัดฟันแบบใส เพราะจะทำให้เกิดอันตราย หรือบางครั้งในการจัดฟันแบบใสอาจจะไม่มีผลดีต่อช่องปากของผู้เข้ารับการรักษา

หากผู้ที่จะเข้ารับการรักษาเป็นโรคเหงือกอักเสบ จะต้องทำการปรึกษาทันตแพทย์ผู้เข้ารับการนรักษาก่อนเข้ารับการจัดฟัน ซึ่งบางกรณีวัสดุที่เป็นในส่วนของเครื่องมือจัดฟัน อาจจะส่งผลต่อผู้เข้ารับการรักษาได้ด้วย ซึ่งวัสดุที่เป็นเครื่องมือการจัดฟัน ผู้ป่วยอาจจะเกิดอาการแพ้ เพราะฉะนั้นถ้าหากมีความผิดปกติ ผู้เข้ารับการรักษาควรเข้าปรึกษาทันตแพทย์ผู้ทำการรักษาทันที และต้องหยุดใช้เครื่องมือ อาการผิดปกติอาจจะสังเกตได้คือ ผู้เข้ารับการรักษาอาจจะมีอาการบวมแดง หรืออาการอักเสบ หลังจากใช้เครื่องมือการจัดฟัน

หากไม่หยุดใช้อาจจะเกิดผลเสียต่อการรักษาและช่องปากได้ เพราะฉะนั้น หลังจากการเข้ารับการจัดฟัน ผู้เข้ารับการรักษาจะต้องคอยสังเกตอาการผิดปกติ และหากมีปัญหาควรรีบปรึกษาทันตแพทย์โดยด่วน การรักษาทางการจัดฟันแบบใส เป็นการจัดฟันที่ไร้ลวดเหล็ก ซึ่งประกอบด้วยชุดเครื่องมือจัดฟันแบบใส แบบถอดได้ ที่จะต้องเปลี่ยนทุก 2 สัปดาห์ ตามลำดับของชิ้นเครื่องมือ โดยเครื่องมือจะออกแบบและผลิตขึ้นมาเฉพาะบุคคล เพราะสภาพฟันของแต่ละคนย่อมไม่เหมือนกัน เป็นเครื่องมือที่ใส่สบาย ไม่ระคายเคืองปาก และยังสามารถรับประทานอาหาร ทำความสะอาดฟันได้ตามปกติ โดยไม่ต้องกังวลเรื่องการหลุดของเครื่องมือ

นอกจากนี้การปฏิบัติตัวขณะการจัดฟันแบบใส ผู้เข้ารับการรักษาจะต้องมีวินัยในการใส่เครื่องมือการจัดฟัน เพราะด้วยเครื่อวมือที่สามารถถอดออกได้ขณะรับประทานอาหาร และขณะแปรงฟัน อาจจะทำให้ผู้เข้ารับการรักษาเผลอลืมใส่เครื่องมือ หากลืมบ่อยๆก็จะส่งผลต่อการรักษาทันที

ในการรับประทานอาหาร ผู้เข้ารับการรักษาจะต้องถอดเครื่องมือทุกครั้ง เพราะการใส่เครื่องมือจัดฟันและรับประทานอาหารไปด้วย จะส่งผลให้เครื่องมือเกิดความเสียหายได้ รวมไปถึงการดื่มเครื่องดื่ม ไม่ว่าจะเป็นร้อนหรือเย็นก็ควรถอดเครื่องมือ ยิ่งถ้าเป็นเครื่องดื่มที่ร้อน แม้ว่าจะเป็นน้ำร้อนก็ควรจะถอดเครื่องมือ เพราะความร้อนของเครื่องดื่ม อาจจะส่งผลให้เครื่องมือบิดเบี้ยวได้ เพราะฉะนั้นนอกจากการดูแลสุขภาพช่องปาก

การดูแลรักษาเครื่องมือก็ถือว่าสำคัญมากเช่นกัน หากคุณสนใจเข้ารับการจัดฟันแบบใส ทางคลีนิคเรามีทีมทันตแพทย์คอยให้คำปรึกษา โดยทีมทันตแพทย์ของเรามีความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ ในการจัดฟันทุกรูปแบบ นอกจากนี้ทางคลีนิคของเรายังมีการบริการทางทันตกรรมที่ครบวงจร มีความเป็นมืออาชีพ ซึ่งทำให้ผู้เข้ารับการรักษามั่นใจว่า คุณจะมีสุขภาพช่องปากและฟันและฟันที่ดีขึ้นมากอย่างแน่นอน

26
บริการด้านอาหาร: อาหารบำรุงเลือด ป้องกันโรคโลหิตจาง !   

หลายคนมีโรคภัยไข้เจ็บ ที่อาจจะมาจากพฤติกรรมการใช้ชีวิตของเรา หรือวิธีการรับประทานอาหาร ซึ่งพฤติกรรมทั้งสองอย่างนี้  เป็นสาเหตุทำให้เกิดโรคภัยไข้เจ็บมากมาย ยกตัวอย่างเช่น การเกิดภาวะเลือดจาง ซึ่งเกิดได้จากหลายสาเหตุ โดยสาเหตุที่พบบ่อยที่สุดคือ โรคเลือดจางจากการขาดธาตุเหล็ก จะทำให้มีอาการเหนื่อยง่าย ตรวจความเข้มข้นเลือดพบว่าต่ำกว่าค่าเฉลี่ยปกติ มักเกิดจากการเสียเลือดเรื้อรัง การรักษาคือหาสาเหตุการเสียเลือดเรื้อรังและรักษาสาเหตุ ร่วมกับการให้กินยาบำรุงเลือดชนิดธาตุเหล็กก็จะช่วยให้บรรเทาได้


แต่อย่างไรก็ตาม การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย ก็มีส่วนช่วยในการบรรเทาหรือป้องกันการเกิดโรคโลหิตจางได้เช่นกัน เพราะอาหารที่เรารับประทานเข้าไปในแต่ละมื้อนั้น ย่อมส่งผลต่อร่างกายของเรา เนื่องจากร่างกายของเราได้รับสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกาย และมีประโยชน์ช่วยในการป้องกันโรคหรือบำรุงร่างกายของเราได้ ซึ่งโรคโลหิตจาง ก็เป็นโรคพบได้บ่อย ส่วนใหญ่มีสาเหตุจากการรับประทานอาหารที่มีธาตุเหล็กไม่เพียงพอ ซึ่งเราสามารถป้องกันได้ด้วยการกินอาหารบำรุงเลือด และยังช่วยให้สามารถป้องกันโรคโลหิตจางได้ด้วย ดังนั้น วันนี้เราจะมาพูดถึงอาหารบำรุงเลือด ที่มีส่วนช่วยในการป้องกันการเกิดโรคโลหิตจาง เพื่อเป็นแนวทางให้กับหลายคนที่มีภาวะเสี่ยงที่เกิดโรคดังกล่าวได้และแนะนำอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายด้วย

สำหรับคนที่มีภาวะโลหิตจาง การดูแลตัวเองในเรื่องของการบำรุงเลือดเป็นเรื่องที่สำคัญ ซึ่งการเลือกรับประทานอาหารก็มีส่วนช่วยทำให้เลือดสมบูรณ์ได้ อาหารที่เราจะมาพูดถึงวันนี้ มักจะอุดมไปด้วยธาตุเหล็กและโปรตีน ที่มีส่วนช่วยในการบำรุงเลือดได้


1.ข้าวเสริมธาตุเหล็กและข้าวหอมนิล

เพราะมีคาร์โบไฮเดรตสูง และยังมีธาตุเหล็ก กรดโฟลิก  และคลอโรฟิลล์ ซึ่งเป็นสารที่มีโมเลกุลคล้ายกับฮีโมโกลบินในเม็ดเลือดแดง จึงเหมาะมากสำหรับผู้ที่ต้องการธาตุเหล็ก


2.อาหารประเภทธัญพืช

เช่น ถั่วแดง ถั่วดำ อัลมอนด์ ลูกเดือย เม็ดฟักทอง เป็นต้น เป็นแหล่งอาหารที่อุดมไปด้วยสารอาหารที่มีประโยชน์ ทั้งโปรตีน เส้นใยอาหารวิตามินบีสารต้านอนุมูลอิสระ ธาตุเหล็ก สังกะสี ทองแดง และแมกนีเซียม ซึ่งถือว่ามีประโยชน์มาก


3.อาหารประเภทพืชผักใบสีเขียวเข้ม

เช่น ผักบุ้ง หน่อไม่ฝรั่ง ผักโขม คะน้า บร็อกโคลี่ แต่อาหารเหล่านี้ควรรับประทานร่วมกับอาหารที่มีวิตามินซีสูง เช่น มะละกอ ส้ม หรือฝรั่ง เพื่อช่วยให้ร่างกายดูดซึมธาตุเหล็กได้ดี


4.อาหารประเภทเลือด ตับ เนื้อสัตว์ต่าง ๆ

อาหารที่ไม่พูดถึงไม่ได้ก็คือหากต้องการรับประทานอาหารที่มีธาตุเหล็กสูงก็ไม่ควรพลาดเมนูที่ประกอบไปด้วยวัตถุดิบที่กล่าวมา เพราะเราสามารถใช้เลือด ตับและเนื้อสัตว์


5.พริก กระเทียม และขมิ้น

ช่วยให้การไหลเวียนของเลือดเป็นไปได้ดี และยังช่วยลดความดันโลหิตให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ


6.อาหารทะเล

โดยเฉพาะเมนูหอย เนื่องจากมีธาตุเหล็กสูงมาก หรือพวกปลาทะเลก็ให้ธาตุเหล็กที่ดีต่อร่างกายมากเช่นเดียวกัน


เห็นมั้ยว่าอาหารที่กล่าวมามีประโยชน์ต่อร่างกายในแง่ของการบำรุงเลือด และช่วยป้องกันการเกิดโรคโลหิตจางได้อีกด้วย แถมยังเป็นอาหารที่สามารถหารับประทานได้ง่ายด้วย อย่างไรก็ตาม เราทุกคนจะต้องหมั่นดูแลสุขภาพร่างกายให้แข็งแรงอยู่เสมอ เพื่อป้องกันและลดความเสี่ยงในการเกิดอาการป่วยหรือโรคภัยต่าง ๆ ด้วยการรับประทานอาหารอย่างถูกสุขลักษณะ และควรรับประทานอาหารที่มีธาตุเหล็กสูงเพื่อช่วยป้องกันโลหิตจางจากการขาดธาตุเหล็ก และยังช่วยทำให้เรามีสุขภาพร่างกายที่ดี แข็งแรง ห่างไกลจากโรคด้วย 


ดังนั้น เราควรรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ เลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ เพราะทางเราเน้นย้ำมาตลอดให้ทุกคนเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ในปริมาณที่เหมาะสมต่อความต้องการของร่างกาย เพื่อให้ห่างไกลจากโรคภัยไข้เจ็บ ที่สำคัญเราจะต้องดูแลตัวเองให้มากๆ ดื่มน้ำมากๆ ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้เราได้มีสุขภาพที่แข็งแรง สามารถใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุข เพราะการไม่มีโรคถือว่าเป็นลาภอันประเสริฐที่วสุดแล้ว


27
Doctor At Home: ภาวะพร่องแล็กเทส (Lactase deficiency)

แล็กเทส เป็นเอนไซม์ที่สร้างโดยเยื่อบุลำไส้เล็ก ทำหน้าที่ย่อยแล็กโทส (lactose) ซึ่งเป็นน้ำตาลที่มีอยู่ในน้ำนม (ทั้งนมมารดา นมวัว และนมแพะ) ให้แตกออกเป็นกลูโคสและกาแล็กโทส (galactose) ซึ่งมีขนาดเล็กลง ง่ายต่อการดูดซึม ถ้าหากลำไส้พร่องเอนไซม์ชนิดนี้ น้ำตาลแล็กโทสจะไม่ถูกย่อย และไม่ถูกลำไส้ดูดซึม ทำให้มีการดึงดูดน้ำเข้ามาในลำไส้ เกิดอาการท้องเดิน และเมื่อแล็กโทสผ่านลงไปในลำไส้ใหญ่ก็จะมีการทำปฏิกิริยากับแบคทีเรีย เกิดแก๊ส (ลม) ในลำไส้ (ทำให้ท้องอืด) กรดแล็กติก และสารที่มีฤทธิ์เป็นกรดซึ่งจะออกมาในอุจจาระ (ทำให้ท้องเดิน)

ภาวะนี้พบในคนทุกวัย มักเริ่มพบตั้งแต่ในช่วงวัยรุ่นและวัยหนุ่มสาว พบได้น้อยในทารก

อาการท้องเดินที่เกิดจากภาวะนี้ มักจะเรียกว่า ภาวะไม่ทนต่อแล็กโทส (lactose intolerance)

สาเหตุ

ส่วนใหญ่เป็นภาวะพร่องแล็กเทสชนิดปฐมภูมิ ซึ่งไม่มีสาเหตุชักนำ เป็นภาวะที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติของลำไส้เล็กที่มีการสร้างเอนไซม์ชนิดนี้มากตอนแรกเกิด และจะค่อย ๆ สร้างได้น้อยลงไปเรื่อย ๆ เมื่อเข้าสู่วัยเด็กวัยรุ่นและผู้ใหญ่ มักจะเริ่มปรากฏอาการท้องเดินเมื่ออายุประมาณ 3-5 ปี

บางรายอาจเป็นภาวะพร่องแล็กเทสชนิดทุติยภูมิ ซึ่งมักเกิดจากการติดเชื้อที่พบบ่อย ได้แก่ ท้องเดินจากไวรัสโรตาในทารก ท้องเดินจากเชื้อไกอาร์เดีย การติดเชื้อฉวยโอกาสในผู้ป่วยเอดส์ เป็นต้น นอกจากนี้ยังอาจเกิดจากการผ่าตัดลำไส้ออกไปปริมาณมาก ทำให้ลำไส้สร้างเอนไซม์แล็กเทสได้น้อยลง

ส่วนน้อยอาจเกิดจากความผิดปกติโดยกำเนิด ซึ่งสามารถถ่ายทอดทางกรรมพันธุ์ ทำให้ผู้ป่วยพร่องเอนไซม์ชนิดนี้ตั้งแต่แรกเกิด และจะมีอาการแสดงของโรคนี้ไปจนตลอดชีวิต

อาการ

ผู้ป่วยจะมีอาการผิดปกติทางลำไส้เกิดขึ้นหลังบริโภคนมหรือผลิตภัณฑ์จากนม (เช่น ไอศกรีม น้ำสลัด เนย นมช็อกโกแลต) ประมาณ 30 นาทีถึง 2 ชั่วโมง อาการมากน้อยขึ้นกับความรุนแรงของภาวะพร่องแล็กเทสและปริมาณแล็กโทสที่บริโภค

ในรายที่เป็นไม่มาก มักมีอาการมีลมในลำไส้มาก ท้องอืด คลื่นไส้ และปวดบิดในท้อง โดยไม่มีอาการท้องเดิน

ในรายที่เป็นมากมักมีอาการท้องเดิน (ถ่ายเป็นน้ำหรือถ่ายเหลว) ร่วมด้วย ส่วนปริมาณนมที่บริโภคจนทำให้เกิดอาการท้องเดินนั้นแปรผันไปตามผู้ป่วยแต่ละราย บางรายดื่มนมได้วันละ 1-2 แก้วก็ไม่เกิดอาการ หรือมีอาการเพียงเล็กน้อย แต่บางรายเพียงดื่มนมปริมาณเล็กน้อยก็เกิดอาการท้องเดิน


ภาวะแทรกซ้อน

โดยทั่วไปมักไม่มีภาวะแทรกซ้อนร้ายแรง นอกจากสร้างความรำคาญ ส่วนทารกและเด็กเล็กที่อาศัยนมเป็นอาหารหลัก หากเกิดอาการท้องเดินเรื้อรังก็อาจทำให้น้ำหนักตัวไม่ขึ้นได้

โอกาสที่จะเป็นรุนแรงถึงขั้นขัดขวางการดูดซึมจนน้ำหนักลดและขาดสารอาหารนั้นมีน้อยมาก ถ้าพบมักเกิดจากการดูดซึมผิดปกติด้วยสาเหตุอื่น


การวินิจฉัย

แพทย์จะวินิจฉัยจากอาการเป็นหลัก

ส่วนใหญ่มักตรวจไม่พบสิ่งผิดปกติชัดเจน รวมทั้งภาวะขาดน้ำ

บางครั้งอาจพบอาการท้องอืด หรือได้ยินเสียงเคลื่อนไหวของลำไส้

ในรายที่มีอาการเรื้อรังและไม่แน่ใจในการวินิจฉัย แพทย์จะทำการตรวจพิเศษเพิ่มเติม ส่วนใหญ่จะทำการตรวจระดับไฮโดรเจนในลมหายใจ (hydrogen breath test) ผู้ป่วยที่เป็นโรคนี้จะพบว่ามีค่าสูงกว่าปกติ ส่วนทารกและเด็กเล็กอาจทำการตรวจหาระดับความเป็นกรดในอุจจาระ (stool acidity test) ซึ่งจะพบว่าสูงกว่าปกติ


การรักษาโดยแพทย์

แพทย์จะให้การดูแลรักษาดังนี้

1. สำหรับผู้ป่วยที่เคยดื่มนมได้แต่เกิดภาวะพร่องแล็กเทสหลังเป็นโรคติดเชื้อ เมื่อรักษาจนโรคติดเชื้อหายดีแล้ว เยื่อบุลำไส้มักจะฟื้นตัวและสร้างแล็กเทสได้เป็นปกติภายใน 3-4 สัปดาห์ ผู้ป่วยก็สามารถกลับมาบริโภคนมได้เหมือนเดิม ระหว่างรอฟื้นตัว แนะนำให้ผู้ป่วยงดบริโภคนม ให้บริโภคถั่วเหลือง เต้าหู้ น้ำเต้าหู้ (ในทารกอาจให้กินนมถั่วเหลือง) แทน

2. สำหรับผู้ที่มีภาวะพร่องแล็กเทสเรื้อรัง (เป็นโดยกำเนิดหรือเกิดจากสาเหตุที่แก้ไขไม่ได้) อาการท้องเดินมักจะกำเริบหลังบริโภคนมทุกครั้ง ก็จะให้คำแนะนำให้ผู้ป่วยในการปฏิบัติตัวดังนี้

    ดื่มนมครั้งละน้อย (น้อยกว่า 200 มล.) หรือดื่มพร้อมอาหารมื้อหลัก หรือบริโภคโยเกิร์ต (ซึ่งผ่านการย่อยจากแบคทีเรียมาระดับหนึ่งแล้ว) ก็อาจไม่ทำให้เกิดอาการได้ หรือลดอาการให้น้อยลงได้
    ถ้าไม่ได้ผลให้ผู้ป่วยบริโภคถั่วเหลือง เต้าหู้ น้ำเต้าหู้ ในทารกอาจให้กินนมถั่วเหลือง
    ในรายที่จำเป็นต้องงดบริโภคนมโดยเด็ดขาด ควรบริโภคโปรตีน แคลเซียม และสารอาหารอื่น ๆ ที่มีอยู่ในนมจากแหล่งอาหารอื่น (เช่น ไข่ ปลา เนื้อสัตว์ งา ถั่วต่าง ๆ เต้าหู้ ปลาเล็กปลาน้อย ปลากระป๋อง ผักใบเขียว) ถ้าจำเป็นอาจให้กินยาเม็ดแคลเซียมเสริมเพื่อการสร้างกระดูก (การเจริญเติบโตของร่างกายเด็ก) และป้องกันภาวะกระดูกพรุน (ในผู้ใหญ่และผู้สูงอายุ)
    ในรายที่ต้องการบริโภคนมและผลิตภัณฑ์จากนมต่อไป อาจต้องให้กินเอนไซม์แล็กเทส (ในรูปของยาเม็ด) ควบคู่ไปด้วย ซึ่งจะป้องกันไม่ให้เกิดอาการได้

3. ในรายที่ให้การดูแลรักษาแล้วไม่ทุเลา หรือมีอาการเรื้อรัง และสงสัยว่าอาจเกิดจากสาเหตุอื่น แพทย์จะทำการชันสูตรเพิ่มเติมและให้การรักษาตามสาเหตุที่พบ


การดูแลตนเอง

หากสงสัย เช่น มีอาการท้องเดินนานเกิน 1 สัปดาห์ หรือเป็น ๆ หาย ๆ บ่อย ควรปรึกษาแพทย์

เมื่อตรวจพบว่าเป็นภาวะพร่องแล็กเทส ควรดูแลรักษา และปฏิบัติตัวตามคำแนะนำของแพทย์ ดังนี้

    ดื่มนมครั้งละน้อย (น้อยกว่า 200 มล.) หรือดื่มพร้อมอาหารมื้อหลัก หรือบริโภคโยเกิร์ต (ซึ่งผ่านการย่อยจากแบคทีเรียมาระดับหนึ่งแล้ว) ก็อาจไม่ทำให้เกิดอาการได้ หรือลดอาการให้น้อยลงได้
    ถ้าไม่ได้ผลให้ผู้ป่วยบริโภคถั่วเหลือง เต้าหู้ น้ำเต้าหู้ ในทารกอาจให้กินนมถั่วเหลือง
    ในรายที่จำเป็นต้องงดบริโภคนมโดยเด็ดขาด ควรบริโภคโปรตีน แคลเซียม และสารอาหารอื่น ๆ ที่มีอยู่ในนมจากแหล่งอาหารอื่น (เช่น ไข่ ปลา เนื้อสัตว์ งา ถั่วต่าง ๆ เต้าหู้ ปลาเล็กปลาน้อย ปลากระป๋อง ผักใบเขียว) ถ้าจำเป็นอาจให้กินยาเม็ดแคลเซียมเสริมเพื่อการสร้างกระดูก (การเจริญเติบโตของร่างกายเด็ก) และป้องกันภาวะกระดูกพรุน (ในผู้ใหญ่และผู้สูงอายุ)
    ในรายที่ต้องการบริโภคนมและผลิตภัณฑ์จากนมต่อไป อาจต้องให้กินเอนไซม์แล็กเทส (ในรูปของยาเม็ด) ควบคู่ไปด้วย ซึ่งจะป้องกันไม่ให้เกิดอาการได้

ควรปรึกษาแพทย์ ถ้าลองปฏิบัติตัวดังกล่าวแล้วไม่ทุเลาใน 2-3 วัน หรือมีความวิตกกังวล


การป้องกัน

ภาวะนี้มักเป็นโรคประจำตัวเรื้อรัง สามารถป้องกันไม่ให้กำเริบบ่อยโดยการงดหรือลดการบริโภคนมและผลิตภัณฑ์จากนม หรือกินเอนไซม์แล็กเทสเสริม


ข้อแนะนำ

1. อาการท้องเดินที่เกิดจากการบริโภคนมและผลิตภัณฑ์จากนม นอกจากเกิดจากภาวะพร่องแล็กเทสแล้ว ยังอาจเกิดจากการแพ้โปรตีนในนม (ซึ่งจะมีอาการภูมิแพ้ เช่น ลมพิษ ผื่นคันร่วมด้วย ดู "การแพ้อาหาร" ที่หัวข้อสาเหตุ ใน "โรคลมพิษ" เพิ่มเติม) หรือโรคลำไส้แปรปรวน ควรแยกแยะสาเหตุให้ได้ชัดเจน และให้การรักษาตามสาเหตุที่พบ

2. ภาวะพร่องแล็กเทสมักไม่มีอันตรายร้ายแรงแต่อย่างใด ถ้าหากเกิดขึ้นหลังจาการติดเชื้อของลำไส้มักเป็นเพียงชั่วคราว และหายขาดได้ แต่ถ้าเป็นภาวะพร่องแล็กเทสแบบถาวร ก็ควรแนะนำให้ผู้ป่วยปฏิบัติตัวในการดูแลรักษาตนเองอย่างจริงจัง ผู้ป่วยควรสังเกตว่าการบริโภคนมและผลิตภัณฑ์จากนมในปริมาณเท่าใดที่ไม่ทำให้เกิดอาการ ก็ให้บริโภคในปริมาณนั้นไปเรื่อย ๆ หากต้องการงดบริโภคนมโดยเด็ดขาด ก็ควรรู้จักเลือกบริโภคอาหารให้ถูกต้อง โดยเฉพาะควรได้รับแคลเซียมจากแหล่งอาหารอื่นให้เพียงพอ



28
รถยนต์ไฟฟ้า 2024: เมอร์เซเดส-เบนซ์ Mercedes-benz EQ EQB 250 AMG Line ปี 2023
3,020,000 บาท 

เมอร์เซเดส-เบนซ์ Mercedes-benz EQ EQB 250 AMG Line ปี 2023
EQฺB 250 AMG Line ยนตรกรรมพลังงานไฟฟ้า 100% ภายใต้แบรนด์ Mercedes-EQ รุ่นล่าสุด ที่ผลิตและนำเข้า (CBU) พร้อมรูปแบบตัวถังแบบรถเอสยูวีที่ใช้แพลตฟอร์มเดียวกันกับ GLB โดย EQB ใช้ระบบขับเคลื่อนล้อหน้า (FWD) ด้วยขุมพลังมอเตอร์ไฟฟ้าแบบ PSM (Permanently Excited Synchronous Motor) ที่ให้พลังสูงสุด 190 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 385 นิวตันเมตร สามารถทำอัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ในระยะเวลา 8.9 วินาที กับ แบตเตอรี่ Lithium-ion แบบแรงดันสูง (High-Voltage) มีความจุแบตเตอรี่ 66.5 kWh สามารถวิ่งได้ไกลสูงสุด 460 กิโลเมตรต่อการชาร์จเต็มหนึ่งครั้ง

(ตามมาตรฐาน WLTP) สำหรับการชาร์จไฟฟ้า EQB รองรับการชาร์จกระแสตรง DC สูงสุด 100 kW ใช้เวลาชาร์จจาก 10-80% เพียง 32 นาที และรองรับการชาร์จกระแสสลับ AC สูงสุด 11 kW ใช้เวลาชาร์จจาก 0-100% ในระยะเวลา 6 ชั่วโมง 50 นาที โดยมาพร้อม Mercedes-Benz  Wallbox Home รุ่น 2.0 ที่มาพร้อมระบบป้องกันฝุ่นกันน้ำ ตามมาตรฐาน IP55/IK10 นอกจากนี้ยังสามารถควบคุมการชาร์จไฟฟ้าและอัปเดตซอฟต์แวร์ได้แบบ OTA (over-the-air) ผ่านแอปพลิเคชัน Mercedes me

รายละเอียดเบื้องต้น
   แบรนด์           Mercedes-benz
   รุ่น                เมอร์เซเดส-เบนซ์ Mercedes-benz EQ EQB 250 AMG Line ปี 2023
   ประเภทรถ        รถอเนกประสงค์ SUV, Electric - EV
   ปีที่เปิดตัว         2023
   ราคา             3,020,000 บาท

ดีไซน์
   ภายนอก
อุปกรณ์ชุดแต่ง (AMG Bodystyling พร้อมกระจังหน้าแบบ Radiator grille พร้อมแถบคาดกระจังหน้าโครเมี่ยมแบบ Twin blade)
ไฟหน้า (ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ)
ราวหลังคา (อลูมิเนียม)
อุปกรณ์ภายนอกอื่นๆ (กระจกมองข้างด้านผู้ขับขี่และกระจกมองหลังปรับลดแสงสะท้อนอัตโนมัติ, สายชาร์จสําหรับ Wallbox และสถานีชาร์จ ความยาว 5 เมตร)
ระบบกันสะเทือนแบบสปอร์ต (ระบบช่วงล่างแบบปรับได้ (Adjustable damping))
ปัดน้ำฝนกระจกหน้าแบบพิเศษ (ใบปัดนํ้าฝนทํางานโดยอัตโนมัติ พร้อมเซ็นเซอร์วัดปร ิมาณนํ้าฝน)
ไฟหน้า LED (แบบ LED High Performance)
หลังคาพาโนรามิคซันรูฟ (เปิด - ปิดได้ด้วยระบบไฟฟ้า)
ขนาดยางหน้า-หลัง (235/45R20)
ล้ออัลลอย (ดีไซน์สปอร์ตจาก AMG แบบ Multi-spoke ขนาด 20 นิ้ว)

   ภายใน
เบาะคนขับปรับสูง-ต่ำได้
ระบบจดจำปรับที่นั่งคนขับ
ตกแต่งภายใน (AMGล คอนโซลหน้าที่ตกแต่งแบบ Aluminium-look,วัสดุตกแต่งภายใน Spiral-look trim elements, backlit)
ปลั๊กไฟ 12 โวลท์
พวงมาลัยหุ้มหนัง (Nappa และแป้นควบคุมการคืนพลังงานไฟฟ้า (Regenerate) แบบ Paddle shift)
กระจกมองหลังตัดแสง (อัตโนมัติ)
พรมปูพื้น (AMG)
ระบบปรับรูปแบบการขับขี่ (DYNAMIC SELECT)

สเปค
   มอเตอร์ไฟฟ้า
ขุมพลังมอเตอร์ไฟฟ้าแบบ PSM (Permanently Excited Synchronous Motor) ที่ให้พลังสูงสุด 190 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 385 นิวตันเมตร สามารถทำอัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ในระยะเวลา 8.9 วินาที ในด้านของแหล่งพลังงาน รถยนต์คันนี้ใช้แบตเตอรี่ Lithium-ion แบบแรงดันสูง (High-Voltage)มีความจุแบตเตอรี่ 66.5 kWh สามารถวิ่งได้ไกลสูงสุด 460 กิโลเมตรต่อการชาร์จเต็มหนึ่งครั้งตามมาตรฐาน WLTP

   กำลังเครื่องยนต์ (แรงม้า)     190 แรงม้า
   ระบบเกียร์                       เกียร์อัตโนมัติ
   รูปแบบเกียร์                     Automatic Single-speeed Reduction Gear
   ระบบเบรค ABS                 มี
   ชนิดแบตเตอรี่                   ไฟฟ้า
   ความจุแบตเตอรี่                 N/A
   ระยะทางวิ่ง/การชาร์จ 1 ครั้ง   460 กิโลเมตรต่อการชาร์จเต็มหนึ่งครั้ง

   น้ำหนักตัวรถ                      -
   ประเภทยางรถยนต์                -
   ขนาดล้อ (นิ้ว)                    ล้ออัลลอย (ดีไซน์สปอร์ตจาก AMG แบบ Multi-spoke ขนาด 20 นิ้ว)
   ระบบขับเคลื่อน                    ขับเคลื่อนล้อหน้า

ระบบความปลอดภัยระบบความปลอดภัย

อุปกรณ์ความปลอดภัย 
ระบบควบคุมการทรงตัวอัตโนมัติ (ESP,ระบบป้องกันล้อหมุนฟร ี ASR)
ตัวถังนิรภัย
ดิสก์เบรก 4 ล้อ
เซ็นทรัลล็อค (พร้อมเปิดฝากระโปรงท้าย)
กุญแจรีโมท (แบบ KEYLESS-GO)
ล็อคประตูอัตโนมัติ
ไฟเบรกดวงที่ 3 (แบบ LED)
ระบบเตือนเพื่อนำรถเข้าศูนย์
อุปกรณ์เสริมความปลอดภัยอื่นๆ (อุปกรณ์ปะยางแบบฉุกเฉิน TIREFIT,ระบบสร้างเสียงจําลอง สําหรับเตือนผู้ใช้ถนน)
เข็มขัดนิรภัย (แบบผ่อนแรงและรั้งกลับอัตโนมัติพร้อมสัญญาณเตือนเข็มขัดนิรภัยบนหน้าจอ สําหรับผู้โดยสารด้านหลัง)
กระจกนิรภัย
คานเหล็กเสริมนิรภัย
ระบบช่วยการออกตัวขณะจอดบนทางลาดชัน (HSA)
ระบบป้องกันล้อหมุนฟรีและควบคุมการลื่นไถล
ระบบสัญญาณไฟฉุกเฉินอัตโนมัติเมื่อเบรกกะทันหัน
ระบบช่วยเบรกแบบแอคทีฟ (ระบบช่วยเบรกอัตโนมัติและระบบเบรก ADAPTIVE BRAKE พร้อมฟังก์ชัน HOLD และ Hill - Start Assist)
ระบบเบรกป้องกันล้อล็อค
ระบบควบคุมสมรรถนะการขับขี่อัจฉริยะ (G-VECTORING CONTROL)
กล้อง (แสดงภาพด้านหลังขณะถอยจอด)
ระบบช่วยเตือนอาการเหนื่อยล้าขณะขับขี่ (ATTENTION ASSIST) (และระบบแสดงสถานะลมยางพร้อมระบบแจ้งเตือนแรงดันลมยาง)
เทคโนโลยีเตือนจุดอับสายตา (Blind Spot Warning - BSW) (และ ระบบแจ้งเตือนขณะเปิดประตูรถ)

29
สาเหตุของโรคความดันโลหิตสูง (Hypertension)

สาเหตุของโรคความดันสูงสามารถแบ่งตามสาเหตุการเกิดได้เป็น 2 ประเภทใหญ่ ได้แก่

ชนิดที่ยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด (Primary/Essential Hypertension)
โรคความดันสูงชนิดนี้มักเกิดขึ้นในวัยผู้ใหญ่เป็นส่วนใหญ่ โดยมีการพัฒนาของโรคอย่างค่อยเป็นค่อยไป และยังไม่สามารถระบุต้นเหตุที่ทำให้เกิดได้อย่างชัดเจน

ชนิดที่ทราบสาเหตุ (Secondary Hypertension)
โรคความดันสูงชนิดนี้มักเกิดขึ้นแบบเฉียบพลันมากกว่าชนิดแรก โดยเป็นผลมาจากโรคประจำตัวเดิม เช่น ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ โรคไต ปัญหาต่อมไทรอยด์ เนื้องอกที่ต่อมหมวกไต โรคเบาหวาน โรคหลอดเลือดผิดปกติแต่กำเนิด

รวมไปถึงการตั้งครรภ์ การใช้สารเสพติดอย่างโคเคนหรือแอมเฟตามีน การติดแอลกอฮอล์และการติดสุราเรื้อรัง และการใช้ยาบางชนิด เช่น ยาคุมกำเนิด ยาลดน้ำมูก ยาลดไข้ และยาแก้ปวด


นอกจากนี้ ยังพบปัจจัยอื่นที่มีความเกี่ยวข้องกับการเกิดโรคความดันสูง ซึ่งส่งผลให้เกิดโรคได้มากขึ้น

    อายุ อายุที่เพิ่มมากขึ้นจะยิ่งทำให้เกิดความเสี่ยงต่อโรคความดันสูงมากขึ้นตามไปด้วย โดยเฉพาะช่วงวัยกลางคนถึงวัยสูงอายุ ประมาณ 45–60 ปีขึ้นไป
    เชื้อชาติ มักพบในคนเชื้อชาติฝั่งประเทศตะวันตกมากกว่าเอเชีย
    เพศ มักพบในเพศชายวัยกลางคนอายุประมาณ 45 ปีขึ้นไป ขณะที่เพศหญิงจะพบมากในช่วงอายุ 60–65 ปีขึ้นไป
    พันธุกรรม ผู้ที่มีประวัติคนในครอบครัวเป็นโรคความดันสูงมีโอกาสเป็นโรคได้สูงกว่าผู้ที่ไม่มีประวัติคนในครอบครัวเป็นโรคนี้
    อาหารโซเดียมสูงหรือโพแทสเซียมต่ำ การรับประทานอาหารมีโซเดียมสูงจะยิ่งทำให้ร่างกายเกิดภาวะบวมน้ำ ซึ่งจะไปเพิ่มความดันโลหิตในร่างกายให้สูงขึ้น ส่วนอาหารที่มีโพแทสเซียมน้อยจะทำให้ร่างกายไม่สามารถจัดการกับปริมาณโซเดียมได้อย่างมีประสิทธิภาพ
    เป็นโรคอ้วนหรือมีน้ำหนักเกินมาตรฐาน ผู้ที่มีปัญหาน้ำหนักเกินจะยิ่งมีความเสี่ยงมากขึ้น เนื่องจากระบบหมุนเวียนเลือดต้องขนส่งออกซิเจนและสารอาหารไปให้เนื้อเยื่อภายในร่างกายมากขึ้น หัวใจต้องใช้แรงดันในการส่งเลือดมากขึ้นเช่นกัน
    สูบบุหรี่หรือยาสูบ สารพิษที่อยู่ในบุหรี่และยาสูบเหล่านี้จะเพิ่มความดันโลหิตในร่างกายให้สูงขึ้น ทำให้ผนังหลอดเลือดแดงเกิดการตีบตัน และหัวใจต้องใช้แรงดันในการส่งเลือดเพิ่มมากขึ้นกว่าปกติ นอกจากนี้ ผู้ที่ได้รับสารเหล่านี้จากควันบุหรี่ก็ได้รับผลเสียเช่นเดียวกับผู้ที่สูบ
    ขาดการออกกำลังกายและเคลื่อนไหวร่างกายน้อย ทำให้อัตราการเต้นหัวใจเพิ่มมากขึ้น และยิ่งทำให้หัวใจต้องใช้แรงดันเพิ่มมากขึ้น
    เป็นโรคเรื้อรังบางชนิด โรคประจำตัวบางชนิดอาจส่งผลต่อความดันโลหิตที่สูงมากขึ้น เช่น โรคไต โรคเบาหวาน หรือมีปัญหาด้านการนอน
    ความเครียดสะสม
    การดื่มแอลกอฮอล์เกินพอดี
    การได้รับวิตามินดีไม่เพียงพอ

30
ภาวะแทรกซ้อน จากการจัดฟันเด็ก 

การจัดฟันในเด็ก ถือเป็นการรักษาทางทันตกรรมอย่างหนึ่งที่ได้รับความนิยมมากในปัจจุบัน เนื่องจากในปัจจุบันนี้ เด็กไทยเป็นจำนวนมาก มีอาการฟันผุ เนื่องจากการรับประทานอาหารและการไม่ทำความสะอาดช่องปากและฟัน รวมไปถึงพ่อแม่ผู้ปกครองอาจจะไม่มีเวลาในการแนะนำหรือสอนเด็กเกี่ยวกับวิธีการแปรงฟันอย่างถูกต้อง ดังนั้น เด็กไทยจึงเกิดฟันผุมาก ซึ่งบางคนอาจจะร้ายแรงถึงขั้นสูญเสียฟันไปเลยทีเดียว เมื่อเด็กสูญเสียฟันไป ก็ส่งผลทำให้เกิดปัญหาฟันอื่นๆตามมามากมายไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการเกิดปัญหาฟันห่าง ฟันล้ม ซึ่งส่งผลทำให้เด็กไม่มั่นใจในบุคลิกภาพของตัวเอง ทำให้รับประทานอาหารได้ลำบาก จนอาจจะส่งผลทำให้เกิดปัญหาร่างกายได้ เพราะเมื่อเด็กรับประทานอาหารได้ลำบาก


อาจจะทำให้เด็กเกิดอาการเบื่ออาหารได้ ทำให้เกิดโรคขาดสารอาหารได้ ดังนั้น สุขภาพช่องปากและฟัน จึงมีคความสัมพันธ์กับสุขภาพร่างกายโดยรวมของเด็ก จึงเป้นสาเหตุที่ว่า เด็กควรที่จะมีสุขภาพช่องปากและฟันที่ดี แต่การแก้ไขปัญหาฟันสำหรับเด็กที่มีฟันผุ และเกิดการสูญเสียฟัน แน่นอนว่า การเข้ารับการจัดฟันในเด็ก จึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่สามารถแก้ไขปัญหาได้อย่าวตรงจุด แต่ไม่ว่าจะอะไรก็ตามแต่ มักจะมีข้อดีและข้อเสียเหมือนกัน การเข้ารับการจัดฟันในเด็กก็เช่นเดียวกัน ก็มีข้อเสียเหมือน ซึ่งอาจจะทำให้เด็กเกิดภาวะแทรกซ้อนได้ ดังนั้น วันนี้ทางคลินิกของเราจะมาพูดถึงภาวะแทรกซ้อนของการจัดฟฟันในเด็ก ที่อาจจะเกิดขึ้นได้กับเด็ก แต่ถ้าหากพ่อแม่ผู้ปกครองใส่ใจในเรื่องของสุขภพช่องปากและฟันและทำตามคำแนะนำของทันตแพทย์ ก็จะช่วยลดการเกิดภาวะแทรกซ้อนได้

สำหรับภาวะแทรกซ้อนที่อาจจะเกิดขึ้น ในเด็กที่เข้ารับการจัดฟัน อย่างแรกเลยก็คือ การเกิดฟันผุ โรคเหงือก ถ้ากรณีที่เด็กรับประทานอาหารที่มีน้ำตาลมากเกินไป และไม่ทำความสะอาดฟันอย่างถูกวิธีและอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งปัญหานี้ก็เกิดขึ้นได้ตามปกติแม้จะไม่ได้รับการจัดฟัน แต่การจัดฟันก็จะเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคดังกล่าวได้มากขึ้นนั่นเอง ต่อมาก็คือ ปัญหาการเคลื่อนฟัน อาจมีผลต่อสุขภาพของกระดูกและเหงือกที่รองรับฟันอยู่


โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีที่มีรอยโรคเดิมอยู่แล้ว ในเด็กที่มีการเรียงตัวของฟันที่ผิดปกติ การจัดฟันจะช่วยลดการสูญเสียฟัน หรือการเกิดเหงือกอักเสบได้ ส่วนการเกิดเหงือกอักเสบหรือการเกิดการละลายตัวของกระดูกเบ้าฟัน จะเกิดได้ในกรณีที่เด็กไม่สามารถทำความสะอาดฟันเพื่อกำจัดคราบจุลินทรีย์ ออกจากฟันได้หมด ต่อมาก็คือปัญหาที่มักพบได้บ่อยเลยก็คือ การใช้เครื่องมือทางทันตกรรมจัดฟัน อาจทำให้เกิดแผลในช่องปาก หรือเกิดการกระทบกระแทกต่อฟันได้บ้าง ส่วนการสึกของฟันที่ผิดปกติอาจเกิดขึ้นเองได้ถ้าเด็กมีการบดเคี้ยวที่รุนแรงกว่าปกติ และอีกหนึ่งภาวะแทรกซ้อนก็คือ  เครื่องมือจัดฟันอาจหลุด และคนไข้อาจกลืนลงไปด้วยความบังเอิญ


ซึ่งควรที่จะระมัดระวัง ยิ่งในเด็ก พ่อแม่ต้องคอยระวังให้มากเป็นพิเศษ เพื่อป้องกันอันตราย ทั้งหมดนี้คือภาวะแทรกซ้อนที่อาจจะเกิดขึ้นกับเด็กที่เข้ารับการจัดฟัน ทางที่ดีควรปฏิบัติตัวตามคำแนะนำของทันตแพทย์จะดีที่สุด อย่างไรก็ตาม พ่อแม่ผู้ปกครองจะต้องคอยสังเกตอาการของเด็ก ระหว่างอยู่ในช่วงการจัดฟันด้วย เพราะถือว่าเป้นเรื่องที่ดี เพราะถ้าหากเด็กมีปัญหา ก็สามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างถูกต้อง หรือควรพามาพบทันตแพทย์เพื่อรับการแก้ไขได้ทันที


หากพ่อแม่ผู้ปกครองท่านใด อยากให้บุตรหลานของท่านเข้ารับการจัดฟันในเด็ก สามารถพาเด็กมาพบกับทันตแพทย์จัดฟันได้ที่คลินิก เพราะทางเรามีทันตแพทย์ที่ยินดีให้คำปรึกษาและให้คำแนะนำได้อย่างถูกต้อง โดยยึดหลักการและปัญหาฟันของเด็ก เป็นที่ตั้ง เพื่อที่จะได้รับการแก้ไขปัญหาที่ดีและมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ ทันตแพทย์ของเรายังมีความเชี่ยวชาญด้านทันนตกรรมในเด็ก จึงสามารถให้คำปรึกษาได้อย่างตรงจุด เพราะเราอยากให้เด็กๆทุกคนมีสุขภาพช่องปากและฟันที่แข็งแรง สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างเต็มที่และมีคุณภาพชีวิตที่ดี

หน้า: [1] 2 3 ... 6