1. ตรวจประวัติความเป็นมารวมทั้งดูผลงาน
จุดเริ่มต้นที่สำคัญที่สุดของการตามหาบริษัทรับสร้างบ้านที่ดีนั้นคือ การค้นหาและคัดผู้รับเหมาสร้างบ้านที่มีมาตรฐานและดูน่าเชื่อถือ ด้วยการตรวจประวัติความเป็นมาและก็มองผลงานการก่อสร้างก่อนหน้านี้ ไม่ว่าคุณจะลองค้นหาชื่อบริษัทจากในอินเทอร์เน็ต หรือทดลองถามประสบการณ์จากเพื่อนบ้านละแวกใกล้เคียงที่เคยใช้บริการ คุณก็จะได้ข้อมูลโดยประมาณก่อนจะเริ่มพูดคุยเนื้อหากับผู้รับเหมาก่อสร้างที่น่าสนใจและรู้สึกจะเข้าท่าจริงๆกับบ้านในฝันของคุณ
2. ขอใบเสนอราคาก่อสร้าง
หลังจากหาผู้รับเหมาที่พอใจได้สัก 2-3 รายแล้ว คุณจำต้องแจ้งรายละเอียดการก่อสร้างรวมทั้งขอใบเสนอราคาจากผู้รับเหมา เพื่อให้ทราบมูลค่าการก่อสร้างทั้งผองที่คุณจะต้องจ่าย ซึ่งบางทีอาจรวมทั้งรายละเอียดรวมทั้งมาตรฐานของสิ่งของที่ใช้ แล้วนำใบเสนอราคาทั้งปวงมาเทียบก่อนที่จะคิดที่จะตัดสินใจ ซึ่งการเสนอราคาก็สามารถสะท้อนให้มองเห็นถึงมาตรฐานหลักการทำงานของผู้รับเหมาได้ แล้วก็คุณก็จะได้เลือกบริษัทรับสร้างบ้านที่ดีในราคาที่เหมาะสมจากขั้นตอนนี้เอง
3. ต้องมีสัญญาว่าจ้างที่กระจ่างแจ้ง
เมื่อพอใจกับราคาที่ผู้รับเหมาสร้างบ้านเสนอมาแล้ว ก็ได้เวลาของการทำสัญญาว่าจ้างเป็นลายลักษณ์อักษร ห้ามตกลงงานกันปากเปล่าเด็ดขาด โดยบริษัทรับสร้างบ้านที่มีคุณภาพจะเป็นผู้เสนอสัญญาจ้างให้คุณเองเลยโดยไม่ต้องขอ ซึ่งในสัญญาต้องมีการเจาะจงถึงกรอบระยะเวลาการก่อสร้าง วัสดุที่ใช้ การแบ่งชำระเป็นงวดตามความคืบหน้าของงาน มีเงื่อนไขการรับรองการก่อสร้าง และก็ถ้าเกิดมีพาร์ตเนอร์ที่รับช่วงต่อในงานที่ผู้รับเหมาไม่ถนัด ก็ต้องเจาะจงในสัญญาด้วย
4. มีมาตรฐานสำหรับการดำเนินงาน
แม้ว่าคุณจะเพียรพยายามหาผู้รับเหมาทำการก่อสร้างให้ดีเช่นไร ในที่สุดมาตรฐานที่แท้จริงก็จะเห็นได้เมื่อเริ่มงาน โดยผู้รับเหมาก่อสร้างที่มีมาตรฐานนั้นจำต้องคิดแผนงานให้คุณรู้อย่างมีระบบ ถ้าหากเป็นงานใหญ่จะต้องส่งวิศวกรหรือนักออกแบบของผู้รับเหมาก่อสร้างมาให้การดูแลถึงหน้างาน และก็ที่ขาดไม่ได้คือเอกสารค่าใช้จ่ายอุปกรณ์ (Bill of Quantities หรือ BOQ) ที่บ่งบอกถึงถึงการใช้สิ่งของรวมทั้งรายจ่ายระหว่างก่อสร้าง ซึ่งถ้าเกิดผู้รับเหมาก่อสร้างตกมาตรฐานไหนไป คุณต้องเรียกทันทีอย่าได้ช้า
5. มีผู้ที่มีความเชี่ยวชาญตรวจทานงาน
การตรวจรับงานไม่ใช่แค่ผู้รับเงินมาเดินประกบคุณแล้วชี้ให้ดูโน่นนี่โน่นหลังจากนั้นก็จบ แต่ว่าคุณจะต้องมีนักออกแบบหรือวิศวกรก่อสร้างที่มีความเชี่ยวชาญมาร่วมตรวจตรา ซึ่งควรจะหาคนกลางมาเอง แต่ถ้าหากหาไม่ได้ก็ควรจะมีวิศวกรฝั่งผู้รับเหมามาร่วมตรวจด้วย โดยบริษัทรับสร้างบ้านจะต้องมีรายการตรวจรับงานอย่างชัดเจน ถ้าเกิดมีอะไรที่ไม่ถูกจากที่เคยตกลงกันไว้ต้องพร้อมปรับแก้ รวมทั้งเมื่อตรวจทานจนกระทั่งมั่นใจว่าบ้านของคุณเพอร์เฟ็คแล้ว จึงค่อยจ่ายเงินงวดในที่สุดเป็นอันเสร็จเรียบร้อยสิ้นการส่งมอบงาน
การเลือกบริษัทรับสร้างบ้าน เป็นขั้นตอนสำคัญสำหรับเพื่อการดำเนินแผนการสร้างบ้านที่ปลอดภัย แล้วก็มีคุณภาพสูง
ด้วยเหตุนี้ นี่เป็น 10 ข้อเสนอที่จะสามารถช่วยในกรรมวิธีการเลือกบริษัทรับสร้างบ้านที่เหมาะสม
1. เรียน รวมทั้งทำความเข้าใจเกี่ยวกับบริษัท: ศึกษาเนื้อหาสาระเกี่ยวกับ
บริษัทรับสร้างบ้านที่คุณพอใจ ซึ่งรวมถึงประวัติความเป็นมาของบริษัท แล้วก็ผลงานที่เคยทำมาก่อนหน้า
ยิ่งกว่านั้นคุณยังสามารถอ่านรีวิวจากลูกค้าก่อนหน้านี้ที่ผ่านมาเพื่อให้มั่นใจว่าบริษัทมีความน่าเชื่อถือ รวมทั้งมีความรู้ความสามารถในการดำเนินการได้อย่างมีคุณภาพ
2. วิเคราะห์ความถูกต้องแน่ใจด้านกฎหมาย: สำรวจว่าบริษัทมีเอกสารสิทธิ์ รวมทั้งการเขียนทะเบียนที่ถูกกฎหมายเพื่อแน่ใจว่าคุณได้ทำธุรกิจกับบริษัทที่ถูกต้อง แล้วก็ชอบธรรม
3. มอง และเปรียบราคา: ขอใบเสนอราคาจากบริษัทที่คุณพิจารณา แต่ว่าอย่าตีราคาให้เป็นเพียงแต่องค์ประกอบเดียวสำหรับในการตกลงใจ เทียบราคาพร้อมด้วยประสิทธิภาพ แล้วก็บริการที่กำลังจะได้รับ
4. ตรวจตราเรื่องราวทำงาน: ดูผลงานที่เคยทำของบริษัทรับสร้างบ้านในอดีต ดูรูป หรือเยี่ยมชมสถานที่โดยตรง เพื่อคุณได้ใคร่ครวญประสิทธิภาพของงานจากบริษัทที่มีประสบการณ์สำหรับการทำงาน
5. สอบถาม แล้วก็เสริมสร้างความเชื่อมั่นและมั่นใจ: ติดต่อกับบริษัทเพื่อถามรายละเอียดต่างๆนอกเหนือจากนี้ ควรจะถามเรื่องช่วงเวลาสำหรับในการดำเนินแผนการ การติดต่อสื่อสาร และก็การแก้ปัญหา คุณควรจะทราบดีว่าบริษัทนั้นพร้อมจะให้การส่งเสริม และข้อคิดเห็นที่ดีตลอดกรรมวิธีการก่อสร้าง
6. ความชำนิชำนาญในด้านที่คุณพอใจ: ตรวจตราความชำนิชำนาญของบริษัทรับสร้างบ้านในด้านที่คุณอยาก บางทีอาจเป็นการก่อสร้างบ้านฐานรากในนานัปการขนาดบ้าน เลือกบริษัทที่มีความเชี่ยวชาญ และก็ประสบการณ์ที่เกี่ยวข้องเพื่อให้เห็นผลลัพธ์ที่ต้องการ
7. คุณภาพอุปกรณ์ รวมทั้งเทคโนโลยี: ไต่ถามว่าบริษัทใช้สิ่งของ และก็เทคโนโลยีที่ตามมาตรฐานหรือไม่ การใช้อุปกรณ์ที่มีคุณภาพสูงจะช่วยให้ได้รับผลิตภัณฑ์ที่คงทน และก็ทนทานต่อการใช้แรงงานในระยะยาว
8. ช่วงเวลา และการมอบ: สอบถามเกี่ยวกับช่วงเวลาที่บริษัทรับสร้างบ้านสามารถสร้างบ้านให้สำเร็จ รวมทั้งการมอบงานภายในช่วงเวลาที่ระบุ
9. การรับรองประสิทธิภาพ: ถามไถ่เกี่ยวกับการยืนยันคุณภาพของงาน ว่าบริษัทมีการรับประกันประสิทธิภาพงานสร้างบ้านข้างหลังการส่งมอบหรือไม่ แล้วก็ระยะเวลาการรับประกันเป็นเท่าไร
10. การสำรวจเอกสาร รวมทั้งข้อตกลง: ตรวจตราเนื้อหาในสัญญารับเหมาก่อสร้างที่จำต้องทำกับบริษัทรับสร้างบ้าน รวมทั้งอ่านเอกสารให้รู้เรื่องให้ดีก่อนจะลงลายมือชื่อในสัญญา ถ้ามีเรื่องที่น่าสงสัยหรือเปล่าเข้าใจ ควรไต่ถาม รวมทั้งพูดคุยกับบริษัทรับสร้างบ้านให้เข้าใจถูกตรงกันทั้งสองฝ่าย
สรุป การเลือกบริษัทรับสร้างบ้านที่สมควรเป็นขั้นตอนที่จำเป็นต้องใช้เวลา และความละเอียดถี่ถ้วน ด้วยเหตุว่าการสร้างบ้านเป็นโครงงานที่ใช้เวลานาน และมีความจำเป็น
ด้วยเหตุนี้คุณควรจะทำการวิจัย รวมทั้งการตรวจดูอย่างรอบคอบ เพื่อคุณสามารถเลือกบริษัทที่สมควร และก็มีคุณภาพที่สุดสำหรับเพื่อการสร้างบ้านของคุณเอง
โดยควรที่จะใช้เวลาสำหรับในการพินิจพิจารณา และประเมินตัวเลือกที่มีอยู่ พร้อมทำการเปรียบเทียบสิ่งที่คุณอยากที่จะให้ครบบริบรูณ์มากที่สุด แล้วก็เลือกใช้บริษัทรับสร้างบ้านที่เข้ากันได้กับความอยากได้ และก็ความหวังของคุณ
อย่าลืมวิเคราะห์ข้อตกลงที่กำหนดข้อแม้ แล้วก็เนื้อหาต่างๆเพื่อให้มั่นใจว่าคุณเข้าใจ และก็สารภาพเงื่อนไขทั้งปวงก่อนที่จะลงนาม
การมีสัญญาที่กระจ่าง เป็นสิ่งสำคัญที่จะสร้างความเชื่อมั่น และคุ้มครองปัญหาในอนาคต
